น่าน - ชาวบ้านเขตเทศบาลทุ่งช้าง ต้องผวากันนานนับสัปดาห์ หลังเกิดอุบัติเหตุรถพุ่งชนร้านกาแฟ-สถานที่เก็บสารเคมีด้านการเกษตร ทำสารเคมีฟุ้งกระจายไกลนับ 100 เมตร ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิกเฉย หลายรายต้องปิดบ้านหนีชั่วคราว
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน วันนี้ (27 มี.ค. 56) ว่า ได้เกิดอุบัติเหตุรถปิกอัพพุ่งเข้าชนร้านกาแฟ ที่ใช้เป็นที่เก็บสารเคมีด้านการเกษตร บริเวณริมถนนอรุณเดชจรัสหมู่ 9 ต.เฟยลุง เขตเทศบาลตำบลทุ่งช้าง จ.น่าน จนได้รับความเสียหาย และที่สำคัญคือ มีสารเคมีอันตรายฟุ้งกระจายไปทั่วในรัศมี 100 เมตรจากจุดเกิดเหตุ ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.56 ที่ผ่านมา
ชาวบ้านในชุมชนเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากสารเคมีอันตราย พยายามเรียกร้องให้ทางราชการเข้ามาแก้ไขอย่างถูกวิธี แต่ยังไม่มีการแก้ปัญหาที่ถูกต้องปลอดภัย จนผู้ประกอบการร้านจำหน่ายอาหารไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ รวมทั้งสัตว์เลี้ยงก็ได้รับผลกระทบแล้ว
ล่าสุดเช้าวันนี้ นายเกียรติศักดิ์ ป้อมทองคำ นายอำเภอทุ่งช้าง เพิ่งเดินทางเข้ามาดูจุดเกิดเหตุด้วยตัวเอง และบอกว่าสารเคมีเกษตรที่ฟุ้งกระจายถูกกำจัดไปแล้วเท่านั้น
นางวันดี บุญประเสริฐ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 136 ถนนอรุณเดชจรัส เขตเทศบาลตำบลทุ่งช้าง ซึ่งอยู่ในจุดฟุ้งกระจายของสารเคมี เปิดเผยว่า เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม มีสารเคมีฟุ้งกระจายไปทั่วในรัศมี 100 เมตร แต่ไม่มีใครให้ความสนใจเข้ามาแก้ปัญหา จนชาวบ้านสุดทนร้องเรียนไปหลายที่ ทางราชการเข้ามาใช้น้ำล้าง และบางจุดใช้ดินกลบเท่านั้น ซึ่งชาวบ้านมองว่ายิ่งทำให้สารเคมีอยู่ในพื้นดินและแหล่งน้ำต่อไปอีก
“ตอนนี้ชาวบ้านหลายครอบครัวอยู่ในจุดเกิดเหตุอยู่อาศัยไม่ได้ ต้องปิดบ้านหนีปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งการนำเอาสารเคมีอันตรายมาเก็บไว้ข้างถนนน่าสงสัยเหมือนกันว่า ได้รับอนุญาตหรือไม่ และการเก็บสารเคมีดังกล่าวทางการจะรับผิดชอบอย่างไร”
จุดเกิดเหตุเป็นร้านกาแฟ ซึ่งเจ้าของร้านกาแฟ เป็นชาวบ้านไม่รู้เรื่องอะไร ผู้ที่นำสารเคมีมาเก็บไว้ในร้าน คือ ร้านเคมีภัณฑ์ “มานพการเกษตร” ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุ โดยทางเจ้าของร้านบอกเพียงว่า ถ้าอันตรายคนในร้านก็ตายไปก่อนแล้ว ไม่เห็นมีใครตายซักคน
น.ส.ปรกชล อู๋ทรัพย์ เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (thaipan) มีสำนักงานอยู่ใน กทม.กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอันตรายมาก เมื่อเกิดเหตุต้องกำจัดอย่างถูกวิธี เพื่อไม่ให้สารเคมีรั่วไหลไปในพื้นดินหรือแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งเหตุดังกล่าวได้ประสานไปยัง อปท.ในพื้นที่ ผู้ประกอบการ พบว่า ยังมีความรู้ไม่เพียงพอในการกำจัดสารเคมีเหล่านั้น และดำเนินการล่าช้าเกินไป
มีข้อสังเกตที่น่าสนใจว่า การเก็บสารเคมีมีการขอใบอนุญาตจากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถูกต้องหรือไม่ เมื่ออนุญาตแล้วจะต้องให้ความรู้การจัดเก็บและถ้าเกิดเหตุรั่วไหลต้องเข้าใจในการกำจัด
ขณะที่นายมานพ พรสมประสงค์ เจ้าของร้าน “มานพการเกษตร” เปิดเผยว่า หลังเกิดอุบัติเหตุ รถยนต์ที่พุ่งชนไม่ได้เข้ามารับผิดชอบใดๆ สารเคมีที่ฟุ้งกระจายเป็นยาฆ่าหญ้าใบกว้างในนาข้าว ซึ่งเป็นวัสดุอันตรายปานกลาง ไม่รุนแรง ล่าสุดเทศบาลฯ สาธารณสุข ประชุมร่วมกันมีมติให้ขุดพื้นดินที่มีสารเคมีปนเปื้อนออก แล้วนำปูนขาวโรย
“นายอำเภอ สาธารณสุขอำเภอ นายกเทศมนตรี และชาวบ้านได้มาประชุมร่วมกันที่เกิดเหตุ ได้เร่งให้ดำเนินการ ขณะนี้ก็แก้ไขแล้ว ความจริงแล้วไม่มีสารเคมีฆ่าแมลงเป็นเพียงสารเคมีปราบวัชพืชใบกว้างไม่อันตราย และร้านของตนเองมีใบอนุญาตจากกรมวิชาการเกษตรอย่างถูกต้อง ก็ยอมรับว่า เคมีทั่วฟุ้งกระจายมีกลิ่นเหม็นทำให้ชาวบ้านตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น”