แม่ฮ่องสอน - มท.1 ลงพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวบ้านแม่สุรินทร์ หลังไฟไหม้ครั้งใหญ่ ยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 36 ศพ พร้อมสั่ง 9 ศูนย์พักพิงทั่วประเทศป้องกัน หวั่นเกิดเหตุสลดซ้ำ บอกพร้อมช่วยเหลือเต็มที่แต่เน้นใช้เงินบริจาค ขณะที่ยูเอ็นรับปากสร้างที่พักใหม่ใน 1 เดือน
วันนี้ (24 มี.ค.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ไปยังศูนย์พักพิงผู้ลี้ภัยจากการสู้รบบ้านแม่สุรินทร์ ต.ขุนยวม อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อตรวจดูการช่วยเหลือเยียวยาผู้อพยพชาวกะเหรี่ยงสัญชาติพม่า หลังประสบเหตุไฟไหม้ มีนายชาญชัย ศรีเสถียร์ นายอำเภอขุนยวม สรุปสถานการณ์ให้ทราบ
นายชาญชัย กล่าวว่า สาเหตุเกิดจากครอบครัวผู้ลี้ภัยที่อาศัยอยู่โซน 1 ก่อไฟหุงต้ม แล้วปล่อยทิ้งไว้ และจึงเกิดไฟไหม้ลุกลามขยายวงกว้างไปยังโซน 4 สรุปยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 36 ศพ พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล และมอบศพให้ญาติได้ 23 ศพ อีก 13 ศพ ยังพิสูจน์ทราบไม่ได้ เนื่องจากถูกไฟไหม้เกรียม เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บดีเอ็นเอเอาไว้เพื่อรอตรวจสอบกับญาติก่อนที่จะนำศพทั้งหมดฝังรวมกัน เนื่องจากงเริ่มส่งกลิ่นเหม็นแล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัส 4 ราย ส่งต่อ จ.เชียงใหม่ 2 ราย
นายจารุพงศ์ กล่าวว่า บ้านเรือนถูกไฟไหม้ประมาณ 600 หลัง ผู้อพยพกว่า 3,600 คน ซึ่งผลจากความแห้งแล้งทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็วโดยไฟไหม้ทางด้านหน้าแล้วลุกลามเข้าข้างใน ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ติดกับดอยสูงหนีไม่ได้ ถูกไฟคลอกตายตามไหล่เขาจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ที่อยู่อาศัยใหม่จะสร้างในที่เดิม เพราะถือว่ามีความเหมาะสม ไม่มีปัญหาน้ำท่วม แต่ต้องดูเรื่องความปลอดภัยให้มากขึ้น และการดำเนินการทุกอย่างต้องผ่านการเห็นชอบจากทางสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ(ยูเอ็นเอชซีอาร์) เพราะเป็นกติกาที่วางไว้ ซึ่งทางตัวแทนยูเอ็นเอชซีอาร์รับปากจะก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
“เพื่อไม่ให้เกิดเหตุเช่นนี้อีก ได้สั่งการให้ศูนย์พักพิงทั้ง 9 แห่ง วางมาตรการป้องกันอย่าให้เกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกันขึ้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การจัดสรรงบประมาณมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยทำได้มากน้อยเพียงใด นายจารุพงศ์ ตอบว่า เน้นจากการรับบริจาคเป็นหลัก และจะจัดสรรส่วนหนึ่งเข้ามาช่วย เพราะเมื่อเกิดเหตุก็ต้องช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรมอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ด้านเครื่องอุปโภคบริโภค อาหารการกินจากทุกภาคส่วนถือว่ามีเข้ามามาก
แหล่งข่าวผู้หนีภัยจากการสู้รบ กล่าวว่า กรณีที่มีผู้หนีภัยโซน 4 เสียชีวิตถึง 35 ราย เนื่องจากระหว่างไฟไหม้ต่างวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอดไปทางบริเวณแปลงผัก ซึ่งมีรั้วลวดหนามกั้นเป็นแนวยาว ทำให้ไม่สามารถข้ามรั้วลวดหนามได้ ต้องวิ่งหนีขึ้นบนภูเขาจึงถูกไฟคลอกตายอยู่ในบริเวณเดียวกันถึง 35 ราย
ด้านนายบุญยืน แสงอ่อน อาสาสมัครรักษาดินแดนอำเภอขุนยวม ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่กองอำนวยการรักษาความปลอดภัยที่พื้นที่พักพิงชั่วคราวบ้านแม่สุรินทร์ กล่าวว่า วันเกิดเหตุ (22 มี.ค.) ได้ยินทางแคมป์ประกาศว่าเกิดไฟไหม้ จึงได้วิ่งออกไปดู ปรากฏว่า ไฟกำลังลุกไหม้บ้านพักอย่างราดเร็ว จึงได้แจ้งให้ผู้หนีภัยวิ่งออกจากบ้านโดยเร็ว จนกระทั่งเวลา 19.00 น. เพลิงจึงสงบลง