อุบลราชธานี - นักสื่อสารมวลชน และนักวิชาการสำรวจตัวเอง ระบุตรงกัน “สื่อ” ถ้าอยากอยู่รอดต้องรีบปรับตัวรับกระแสยุคดิจิตอล เพราะผู้บริโภคเปลี่ยนการรับรู้ข่าวสารหลายช่องทาง โดยเฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์ใกล้อวสาน
ที่ศูนย์อาหารโรงแรมสุนีย์แกรนด์ แอนด์ คอนเวนชั่น อ.เมือง จ.อุบลราชธานี สื่อสร้างสุขอุบลราชธานี จัดเวทีวิเคราะห์อนาคตสื่อท้องถิ่นในยุคดิจิตอล โดยมีตัวแทนจากสมาคมสื่อมวลชนอุบลราชธานี นายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข บรรณาธิการเว็บไซต์ประชาไท และ น.ส.อังคณา พรมรักษา อาจารย์ประจำสาขานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคามร่วมแสดงทัศนะ
โดยมีสื่อมวลชนท้องถิ่น นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ และประชาชนสนใจเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก
นายกมล หอมกลิ่น ผู้ดำเนินรายการเปิดประเด็นถามถึงสื่อในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตมีการบริหารจัดการแตกต่างกันอย่างไร และเมื่อการสื่อสารยุคดิจิตอลซึ่งสามารถสื่อสารได้หลายช่องทาง สื่อต้องมีการปรับตัวอย่างไร
นายชลธิษ จันทร์สิงห์ นายกสมาคมสื่อมวลชนอุบลราชธานี กล่าวว่า สำหรับจังหวัดอุบลราชธานี ไม่มีเจ้าของหนังสือพิมพ์ฉบับใดเป็นเจ้าของโรงพิมพ์อย่างแท้จริง ต้องไปว่าจ้างพิมพ์กับโรงพิมพ์ทั่วไป และหลายโรงพิมพ์ก็ไม่อยากรับพิมพ์ เพราะมีความยุ่งยากในขั้นตอนการพิมพ์มากกว่างานพิมพ์อื่น รวมทั้งได้รับค่าจ้างพิมพ์ล่าช้ากว่างานทั่วไป
“เจ้าของหนังสื่อพิมพ์ท้องถิ่นจึงทำด้วยใจรักจริงๆ บางหนังสือพิมพ์เป็นทั้งบรรณาธิการ ไปถึงคนส่งหนังสือพิมพ์ และถ้าหวังจะมีรายได้ หรือร่ำรวยจากอาชีพนี้ไม่ได้” สำหรับการปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคข่าวงสารรวดเร็ว ต้องเริ่มต้นจากการจัดทำรูปแบบให้น่าจับขึ้นมาอ่าน เนื้อหาข่าวต้องมีความโดดเด่น เจ้าของต้องจัดอาร์ต ทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการจัดพิมพ์เป็น จึงสามารถอยู่รอดได้ในยุคนี้
ส่วนนายนายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข บรรณาธิการเว็บไซต์ประชาไทให้ความเห็นในประเด็นเดียวกันว่า สื่อท้องถิ่นแตกต่างจากสื่อสวนกลางในเรื่องทุน ซึ่งสื่อส่วนกลางมีมากกว่าสื่อท้องถิ่น แต่ในยุคดิจิตอนสื่อส่วนกลางต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดเช่นเดียวกัน ขณะที่ต้นทุนระหว่างสื่อส่วนกลางกับสื่อท้องถิ่นไม่มีความแตกต่างกัน เพราะมีต้นทุนการผลิตมากกว่าราคาขาย ด้วยโครงสร้างนี้สื่อต่างๆ จึงอยู่ไม่ได้จากยอดขาย ต้องอาศัยสปอนเซอร์
“จึงทำให้สื่อเป็นอิสระไม่ได้เพราะต้องโกหกให้แก่สินค้าที่มาลงโฆษณา แม้จะเป็นสินค้ามีปัญหาก็ต้องบอกว่าดี เพื่อให้ได้โฆษณา” และอำนาจไม่ได้อยู่กับคนทำสื่อ แต่อยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด แต่ถ้ามีการกระจายอำนาจจากส่วนกลางมาท้องถิ่น และเมื่อเศรษฐกิจเติบโตจะทำให้มีความต้องการพื้นที่โฆษณามากขึ้น
แต่สำหรับสื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ต้องบอกว่าไม่มีอนาคต เพราะคนไม่เสพข่าวจากการอ่านหนังสือพิมพ์เพียงฉบับเดียว แต่เลือกเสพข่าวจากหลายสื่อ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่นิยมดูจากคลิป ฟัง หรืออ่านจากการออนไลน์ผ่านอุปกรณ์สื่อสารซึ่งรวดเร็วเข้าถึงได้มากกว่าสื่ออื่น
ขณะที่ น.ส.อังคณา พรมรักษา อาจารย์ประจำสาขานิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการสารสนเทศ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีความเห็นว่า สื่อท้องถิ่นอุบลราชธานี มีความเข้มแข็ง เพราะมีการจับมือทำงานร่วมกันเป็นเครือข่าย และคนทำงานสื่อมาจากความรัก ความชอบ เห็นได้จากคนในอดีตไม่ได้เรียนจบมาทางนิเทศศาสตร์ เพราะมีคนทำสื่อก่อนที่จะมีหลักสูตรวิชานี้ขึ้นมาสอน
สำหรับสื่อท้องถิ่นปัจจุบันต้องบอกว่า “อยู่ด้วยใจ ไม่ได้คิดถึงเรื่องขาดทุนหรือกำไร เพราะหัวใจคนทำสื่อคือ ต้องการให้คนดู คนอ่าน คนฟัง” ก็ดีใจ ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว
สำหรับอนาคตของสื่อท้องถิ่นที่เป็นหนังสือพิมพ์ต้องปรับตัวเอง โดยคิดไปรวมกับการทำสื่ออื่นอย่างไร เพราะการทำสื่อสิงพิมพ์เป็นสื่อที่มีต้นทุนสูง ประกอบกับคนรุ่นใหม่นิยมรับสื่อที่รวดเร็ว สะดวกในการติดตามได้ทุกที่
ดังนั้น สื่อท้องถิ่นที่อดีตเคยต่างคนต่างทำ ต่างคนต่างอยู่ ต้องมีการพูดคุยจะร่วมกันอย่างไรให้อยู่รอดในยุคที่โลกการสื่อสารเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว “แต่สื่อท้องถิ่นยังมีจุดแข็งคือ เป็นสื่อที่เข้าถึงคนในชุมชนที่ตนอยู่ บางเรื่องบางประเด็นสื่อส่วนกลางไม่ให้ความสนใจ แต่สื่อท้องถิ่นสามารถนำมาเป็นประเด็นนำเสนอได้” จึงเป็นจุดแข็ง และเป็นจุดขายที่ต่างกับสื่อสวนกลาง
ด้านนายสมศักดิ์ รัฐเสรี บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ปทุมมาลัย ซึ่งเป็นสื่อท้องถิ่นแสดงความเห็นว่า สื่อสิ่งพิมพ์ในจังหวัดมีมากเชิงปริมาณ แต่ที่ทำในเชิงคุณภาพมีน้อย เคยคิดจะชวนเพื่อนๆ ทำสื่อท้องถิ่นให้เหมือนสื่อส่วนกลาง คือ ผลัดกันออกฉบับละวันให้เป็นเหมือนสื่อรายวัน แต่ยังเป็นไปไม่ได้
สำหรับเทปการวิเคราะห์อนาคตสื่อท้องถิ่นในยุคดิจิตอลสามารถรับชมย้อนหลังได้ที่สร้างสุขแชนแนล วีเคเบิลทีวี sangsook.net โสภณเคเบิลทีวี ทีวีดาวเทียม nextstep ช่องของดีประเทศไทย รายการวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน FM.102.75Mhz Cleanradio 92.5 Mhz