ฉะเชิงเทรา - ชาวบ้านแปดริ้วร้องระงม หลังอุปกรณ์ส่วนควบระบบรถไฟรางคู่สร้างแล้วเสร็จใหม่ แต่กับกลายเป็นบ่อเกิดแห่งอันตรายต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และผู้คนที่ใช้เส้นทางสัญจร หลังอุปกรณ์ปิดกั้นจุดตัดทางข้ามเจ้าปัญหามักเปิด-ปิดขึ้นลงสุดมั่ว แฉเกิดอาการเสียบ่อยครั้งแบบซ้ำซากจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุติดตามมาอย่างมากมาย
วันนี้ (20 มี.ค.) เวลา 11.00 น. นายรุทธพล สุนทรโชติ อายุ 41 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 ต.คลองเปรง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เปิดเผยถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน และผู้ใช้เส้นทางผ่านต่อระบบอุปกรณ์ส่วนควบของระบบรถไฟรางคู่สายตะวันออก ตอนกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา ที่มักก่อให้เกิดปัญหา และอันตรายต่อชาวบ้านบนเส้นทางถนนสาย รพช.สุวินทวงศ์-บางนา-ตราด อยู่บ่อยครั้งว่า เนื่องจากตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาหลังจากมีการก่อสร้างระบบรถไฟรางคู่ในเส้นทางสายตะวันออกตอนแรก ช่วงระหว่างคลังสินค้าลาดกระบัง-ฉะเชิงเทรานั้น ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เปลี่ยนระบบกั้นรางกันคนขับรถยนต์ หรือยานพาหนะข้ามรางรถไฟในขณะที่รถไฟเคลื่อนผ่านบนจุดตัดในหมู่บ้านแห่งนี้ จากเดิมเป็นแบบมีเจ้าพนักงานกั้นรางของการรถไฟมาคอยควบคุมระบบการกั้นรั้วด้วยมือ ณ จุดที่เป็นทางข้าม จึงไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาอะไร
แต่หลังจากการก่อสร้างระบบรถไฟรางคู่แล้วเสร็จสมบูรณ์ ทางการรถไฟฯ ได้เลิกระบบกั้นรางแบบมีคนบังคับให้มาเป็นระบบอัตโนมัติ โดยเมื่อจะมีรถไฟเคลื่อนผ่านระบบเครื่องกั้นจะเลื่อนลงมาปิดกั้นถนนเองด้วยระบบไฟฟ้าตรวจจับสัญญาณ ซึ่งหากเป็นไปตามระบบ และกระบวนการที่ได้มีการออกแบบเอาไว้นั้นก็ถือว่าจะเป็นระบบกั้นที่ทันสมัย และมีความปลอดภัยสูงไม่แพ้กันกับระบบมีคนบังคับด้วยมือ
แต่ความเป็นจริงที่ปรากฏออกมานั้นกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม สาเหตุจากระบบที่ทางการรถไฟฯ เอามาติดตั้งใหม่นั้นรวน หรือเสีย เครื่องกั้นเลื่อนลงมาปิดกั้นทางรถยนต์ที่กำลังจะข้ามรางเอง หรือไม่ก็เมื่อปิดกั้นทางจนรถไฟเคลื่อนผ่านหมดท้ายขบวนไปนานแล้ว แผงกั้นก็ยังไม่ยอมเลื่อนขึ้นเพื่อเปิดทางให้แก่รถยนต์ที่ต้องการสัญจรผ่านจนก่อให้เกิดปัญหาด้านการจราจรมีรถติดสะสมอยู่ในเส้นทางไปไกลหลาย กม. เนื่องจากเส้นทางสายนี้เป็นย่านที่มีโรงงานอุตสาหกรรมเข้ามาก่อตั้ง และมีผู้คนสัญจรผ่านมากในชั่วโมงเร่งด่วน
และล่าสุด เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เครื่องกั้นได้มีอาการเสียปิดค้างกั้นขวางถนนทิ้งไว้นานถึง 3 วัน จนทำให้ชาวบ้าน และผู้ใช้เส้นทางต่างเบื่อระอาต่อลักษณะอาการที่ไม่สะดวกอย่างนี้แบบเต็มทนแล้ว จนทำให้มีผู้ใช้เส้นทางหลายรายที่ไจร้อนได้พากันขับรถอ้อมเครื่องกั้นข้ามผ่านทางรถไฟไปเองโดยที่ไม่ได้สนใจต่อสัญญาณเตือน และรั้วกั้น เพราะเริ่มคุ้นเคยชินกับอาการเสียที่เกิดขึ้นนี้แล้ว
สุดท้ายก็ยังเกิดปัญหา ก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจนได้ เนื่องจากมีชาวบ้านที่ใช้เส้นทางผ่านนั้นไม่ทราบว่าแผงกั้นนั้นเสียหรือไม่ เป็นการกั้นจริงเพราะรถไฟมา หรือกั้นหลอกเพราะระบบขัดข้อง จนทำให้รถกระบะสองแถวรับส่งคนงานขับฝ่าสัญญาณเข้าไป และถูกขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าพุ่งชนรถรับส่งคนงานของบริษัทผลิตหลอดยาสีฟันแห่งหนึ่ง เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ (16 มี.ค.) ที่ผ่านมา แต่โชคดีที่ไม่มีใครเสียชีวิต มีเพียงแต่คนขับรถเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ
เนื่องจากรถรับส่งคนงานดังกล่าวเพิ่งออกมาจากต้นทางจึงยังไม่มีพนักงานขึ้นมานั่งบนรถ นี่เป็นเพียงหนึ่งในจำนวนหลายเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ล่าสุด จากที่เหตุการณ์ทำนองนี้ได้เคยเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง และซ้ำซาก มีทั้งได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิต
นายรุทธพล กล่าวต่อว่า หากทางการรถไฟฯ ยังไม่สามารถที่จะนำระบบปิดกั้นทางที่ดีกว่านี้ หรือมีความถูกต้องแม่นยำมากกว่านี้มาใช้งานได้ ก็ขอให้นำระบบคนเฝ้าทางแบบเดิมกลับมาใช้ดีกว่า เพราะจะได้ไม่ต้องมีใครมาประสบเหตุ และเกิดเหตุการณ์สูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินขึ้นอีก
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ไปติดตามสอบถามถึงกระบวนการสอบสวนหาสาเหตุความผิดในกรณีของอุบัติเหตุรายล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นมาจากสาเหตุรถไฟชนรถยนต์กระบะสองแถวจนมีผู้ไดรับบาดเจ็บต่อ ร.ต.ต.สมพร กระฉอดนอก พนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ทราบว่า รถกระบะได้พยายามที่จะขับฝ่าแผงกั้นเข้าไปจนถูกขบวนรถไฟบรรทุกสินค้าพุ่งเข้าชน
พร้อมระบุด้วยว่า การอ้างว่าระบบแผงกั้นทางข้ามทางรถไฟเสียนั้นฟังไม่ขึ้น เพราะหากจุดตัดทางข้ามทางรถไฟจุดใดที่ยังไม่มีแผงกั้น ทางฝ่ายผู้ข้ามทางก็จำเป็นที่จะต้องหยุดเพื่อรอดูความปลอดภัย ก่อนตัดสินใจขับรถข้ามทางรถไฟไป