xs
xsm
sm
md
lg

เอ็นจีโอพม่าดูปัญหาสิ่งแวดล้อมชุมชนรอบท่าเรือ หวั่นเกิดซ้ำในโครงการท่าเรือทวาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - ตัวแทนประชาชนที่เกรงว่าาจะได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างท่าเทียบเรือทวาย และเอ็นจีโอพม่า ศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการก่อสร้างท่าเทียบเรือแหลมฉบังเฟส 1 และ 2 เพื่อหาแนวทางคัดค้านการก่อสร้างท่าเรือทวาย ขณะเดียวกัน ยังรับฟังความเห็นจากชาวบ้านถึงความเดือดร้อนด้านการทำกิน เผยหวั่นการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลพม่า จะนำมาซึ่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต

วันนี้ (13 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ชลบุรี ว่า แกนนำประชาชนพม่าที่เกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างท่าเทียบเรือทวาย และประชาชนในรัฐยะไข่ รวมทั้งองค์กรพัฒนาเอกชน (เอ็นจีโอ) ในพม่า ได้เดินทางมาศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึก และการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย โดยรับฟังการบรรยายสรุปเรื่องการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี จากการท่าเรือแหลมฉบัง

นอกจากนี้ ยังศึกษาดูงานด้านการพัฒนาภาคอุตสาหกรรม ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง และรับฟังผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จากการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง เฟส 1 และ 2 จากชาวบ้านในชุมชนบางละมุง ที่ขณะนี้ได้รวมตัวคัดค้านการก่อสร้างท่าเทียบเรือแหลมฉบัง เฟส 3 อย่างหนัก

นายเย ลิน มินต์ แกนนำประชาชนพม่ากล่าวว่า ต้องนำข้อมูลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดกับประชาชนในชุมชนโดยรอบท่าเรือแหลมฉบังไปวิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนพม่าจำนวนมาก ที่อยู่โดยรอบพื้นที่ก่อสร้างท่าเทียบเรือทวาย ซึ่งถือเป็นโครงการใหญ่ของรัฐบาลพม่า โดยจะเปรียบเทียบว่าจะเกิดขึ้นเช่นเดียวกับชุมชนโดยรอบท่าเรือแหลมฉบังหรือไม่ นอกจากนั้น ยังได้ลงเรือดูพื้นที่ทำประมงที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างท่าเทียบเรือแหลมฉบังเฟส 1 และ 2

“การเข้ารับฟังการบรรยายสรุปที่ท่าเรือแหลมฉบัง ก็เพื่อรับทราบถึงวิธีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม เพราะสิ่งที่ประชาชนพม่ารับรู้ในขณะนี้ คือ การก่อสร้างท่าเทียบเรือทวาย เป็นโครงการที่รัฐบาลพม่าให้ความสำคัญ และใช้เงินลงทุนมหาศาล โดยได้มีการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังไม่รู้ถึงผลกระทบที่จะเกิดตามมา ซึ่งเราก็หวังว่ารัฐบาลจะให้ความสำคัญ นอกจากนั้น เรายังพยายามเปรียบเทียบนโยบายของรัฐบาลไทย และรัฐบาลพม่า ในการสนับสนุนให้เกิดท่าเทียบเรือขนาดใหญ่ โดยทราบว่าโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือในไทยมีกลุ่มทุนที่ได้รับสัมปทานเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ได้สัมปทานในพม่าด้วย”

ด้าน ดร.สมนึก จงมีวศิน ตัวแทนเครือข่ายประชาชนคัดค้านการก่อสร้างท่าเทียบเรือเฟส 3 กล่าวว่า ต้องการชี้ให้กลุ่มแกนนำที่คัดค้านการก่อสร้างท่าเทียบเรือทวาย ทราบว่า การก่อสร้างท่าเทียบเรือขนาดใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ควรก่อสร้างในพื้นที่ของชาวบ้าน และเขตการทำประมง โดยได้ชี้ให้ตัวแทนจากพม่าทราบว่า การก่อสร้างท่าเทียบเรือแหลมฉบังเฟส 1 และ 2 ได้ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเขตการทำประมง ซึ่งเป็นพื้นที่ทำกิน

“ประชาชนพม่าที่เข้ามาดูผลกระทบครั้งนี้ คือ คนที่ได้รับผลกระทบจากเขตเศรษฐกิจพิเศษในพม่า และประชาชนบางส่วนในรัฐยะไข่ ซึ่งเราพยายามบอกว่าความสุขที่แท้จริงของประชาชนไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขจีดีพี แต่ต้องวัดกันที่ความสุขของประชาชน ซึ่งคาดว่าประชาชนพม่าจะใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจให้การสนับสนุน หรือไม่กับการก่อสร้างท่าเทียบดังกล่าว”

เจ้าหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง ให้ข้อมูลว่า ในส่วนของท่าเรือแหลมฉบัง ได้ให้ข้อมูลแก่กลุ่มผู้ดูงานจากประเทศพม่าเฉพาะเรื่องการบริหาร และการจัดการท่าเทียบเรืออย่างเป็นระบบเท่านั้น ไม่ได้ชี้นำเรื่องข้อดีของการก่อสร้างท่าเทียบเรือเฟส 3 เพราะเป็นไปตามนโยบายของผู้อำนวยการท่าเรือ ที่ยังไม่ต้องการให้พูดคุยเรื่องการก่อสร้างเฟสที่ 3 จนกว่าจะทำความเข้าใจกับชาวบ้านได้ เพื่อลดกระแสความไม่เข้าใจระหว่างท่าเรือกับชาวบ้าน พร้อมทั้งได้ตอบข้อซักถามเกี่ยวกับการเวนคืนที่ดิน และดูแลประชาชนโดยรอบ ทั้งการจัดสรรเงินให้ และสนับสนุนการสร้างอาชีพใหม่ เป็นต้น



กำลังโหลดความคิดเห็น