นครพนม - เห็นตัวแล้วช้างป่าลาวหนัก 3 ตัน สูง 3 เมตร มีแผลลึกกลางงวง คาดโดนยิงเลยหนีตายข้ามโขงมาฝั่งนครพนม เริ่มผ่อนคลายความดุร้ายหลังชาวบ้านปล่อยให้กินอาหารเต็มที่ เจ้าหน้าที่ใช้วิธีต้อนขึ้นอุทยานภูลังกา ผู้เฒ่าผู้แก่เผยรอบ 100 ปีไม่เคยมีเหตุการณ์ช้างป่าฝั่งลาวข้ามโขงมาฝั่งไทย
วันนี้ (13 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครพนม ถึงความคืบหน้าการติดตามช้างป่าที่หนีข้ามแม่น้ำโขงมาจากปนะเทศลาว มาขึ้นฝั่งไทยที่บ้านนากะเสิม ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน ว่าล่าสุดช้างป่าได้พักอยู่ในป่าใกล้บ้านป่าหว้าน ต.โพนทอง อ.บ้านแพง ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำโขงประมาณ 3 กิโลเมตร ห่างจากเทือกเขาภูลังกาประมาณ 10 กิโลเมตร แต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าตรวจสอบได้เนื่องจากเป็นป่าทึบ และช้างมีอาการดุร้าย พยายามจะทำร้ายชาวบ้านที่เข้าใกล้
ขณะที่นายนายกฤษดา สาครวงศ์ หัวหน้าด่านตรวจสัตว์ป่านครพนม ได้ระดมเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานปศุสัตว์ สัตวบาล เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่จากศูนย์บริหารอนุรักษ์ที่ 10 อุดรธานี รวมถึงฝ่ายปกครอง ชาวบ้าน ใช้วิธีทางธรรมชาติ ปล่อยให้ช้างเดินออกจากป่าไปหาแหล่งน้ำ และแหล่งอาหา ตามธรรมชาติ เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ
นายนายกฤษดากล่าวว่า หลังจากที่ช้างเห็นชาวบ้านเป็นมิตร ปล่อยให้กินอาหารเต็มที่ ไม่มีปฏิกิริยาจะทำร้าย ช้างเริ่มมีอาการนิ่งเฉย ให้ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ได้เห็นตัว ซึ่งจากการสำรวจลักษณะเบื้องต้นพบเป็นช้างป่าสายพันธุ์พื้นเมืองอินเดีย สูงประมาณ 3 เมตร งายาวประมาณ 50 เซนติเมตร หนักไม่ต่ำกว่า 3 ตัน มีรอยบาดแผลลึกบริเวณกลางงวง ซึ่งเชื่อว่าเป็นแผลถูกทำร้าย โดยเจ้าหน้าที่ได้เก็บภาพเพื่อพิจารณาหาทางช่วยเหลือ โดยเบื้องต้นได้ปล่อยให้ช้างเดินมุ่งหน้าไปสู่ป่าอุทยานแห่งชาติภูลังกา
“ช่วงที่ช้างเดินผ่านป่า ผ่านหมู่บ้าน ขอให้ชาวบ้านระมัดระวังอย่าเข้าใกล้ และห้ามทำร้ายช้างเด็ดขาด ส่วนเจ้าหน้าที่ก็จะคอยดูแลความปลอดภัยทั้งช้างและประชาชนไปพร้อมกัน”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการสอบถามคนเฒ่าคนแก่ที่ปลูกบ้านเรือนตามลำแม่น้ำโขง ตั้งแต่ อ.ท่าอุเทน ถึงบ้านแพง ตรงข้ามเมืองหินบูน แขวงคำม่วน ต่างยอมรับว่าตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวดไม่เคยเล่าให้ลูกหลานฟังเลยว่ามีช้างลอยข้ามน้ำโขงมาจากลาวมาขึ้นฝั่งไทย เพิ่งพบครั้งนี้เป็นครั้งแรก