xs
xsm
sm
md
lg

ทหาร ปกครอง อุทยานฯ ขนน้ำเติมบ่อ​ให้ช้างป่าอุทยานฯ กุยบุรี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประจวบคีรีขันธ์ - ทหารกองกำลังสุรสีห์ ร่วมมือกับอำเภอกุยบุรี อุทยานฯ กุยบุรี wwf.ประเทศไทย องค์กรเครือข่าวอนุรักษ์ช้างป่าและกระทิงป่ากุยบุรี ขนน้ำไปเติมในบ่อน้ำในผืนป่าโครงการฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี ภายหลังพบบ่อน้ำสำหรับสัตว์ป่าน้ำแห้งขอด คาดหากฝนไม่ตกสิ้นเดือน เม.ย. อาจเกิดภาวะแห้งแล้งจัด และอาจส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่า ขณะเดียวกัน ผู้เข้าร่วมประชุม “ไซเตสชอป 16” ลงพื้นที่ดูงานอุทยานฯ กุยบุรี ยอมรับผืนป่ากำลังอุดมสมบูรณ์ภายลังเจอ “พังพอนกินปู” สัตว์หายาก

ผู้สื่อข่าวรายงานจากอุทยานแห่งชาติกุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ วันนี้ (11 มี.ค.) ว่า ภายหลังจาก พ.อ.ชวลิต พงษ์พิทักษ์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก กองกำลังสุรสีห์ กองพลทหารราบที่ 9 กาญจนบุรี และนายพงษ์พันธุ์ วิเชียรสมุทร นายอำเภอกุยบุรี นายปรีชา วิทยพันธ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติกุยบุรี นายวายุพงศ์ จิตร์วิจักษณ์ ผจก.โครงการอนุรักษ์ช้างป่ากุยบุรี wwf. ประเทศไทย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมเครือข่ายอนุรักษ์สัตว์ป่ากุยบุรี เช่น มูลนิธิช้างป่าบ้านพ่อ ชมรมรักษ์กระทิงไทย ฯลฯ ได้นำรถบรรทุกน้ำขนาด 6,000 ลิตร ของกองกำลังสุรสีห์ และอุทยานฯ กุยบุรี บรรทุกน้ำไปเติมในบ่อน้ำในจุดที่แห้งขอดในพื้นที่โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูสภาพป่าสงวนแห่งชาติป่ากุยบุรี อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เนื่องจากบ่อน้ำที่ขุดไว้เพื่อให้ช้างป่า กระทิง วัวแดง และสัตว์ป่าชนิดอื่นมาใช้ได้เริ่มมีปริมาณลดลงตามลำดับ เนื่องจากเกิดภาวะภัยแล้ง และฝนทิ้งช่วง ทำให้น้ำในบ่อบางจุดแห้ง

ส่วนที่ยังไม่แห้งก็คาดว่า หากไม่มีฝนตลลงมาเติมในช่วงปลายเดือนเมษายนน่าจะแห้งเช่นกัน ส่วนบางบ่อนั้นก็มีสภาพน้ำเป็นสีเขียว และเริ่มมีกลิ่น นอกจากนั้น สภาพแปลงหญ้ากว่า 1,000 ไร่ ที่ปลูกไว้กระจายให้เป็นพืชอาหารสำหรับสัตว์ป่าก็แห้งลงไปประมาณถึง 500 ไร่ ซึ่งการนำรถบรรทุกของทหาร และอุทยานฯ กุยบุรีไปนำน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ใกล้เคียงมาเติมจะทำได้วันละ 1 เที่ยวเท่านั้น คิดเป็นปริมาณ 12,000 ลิตร โดยจะเลือกเติมน้ำในบ่อที่แห้งจริงๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การดำเนินการเติมน้ำจะมีไปถึงวันที่ 20 มีนาคม 2556 นอกจากนั้นแล้ว ยังต้องช่วยกันลอกไข่น้ำที่เป็นสีเขียว ออกจากบ่อที่พบ และเติมน้ำใหม่ลงไปผสมในเบื้องต้น

นายสมพงษ์ เอมโอด หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ (ป่ายาง) อุทยานฯ กุยบุรี กล่าวว่า จากการติดตามพบว่าในช่วงเย็นตั้งแต่ประมาณ 15.00-18.00 น. ยังพบเห็นโขลงช้างป่า พร้อมกับลูกช้างส่วนหนึ่งได้พากันออกมากินอาหารบริเวณชายป่า และลงเล่นน้ำ และกินน้ำในบ่อ 4 บริเวณหน้าหน่วยป่ายาง ซึ่งยังมีปริมาณน้ำลงเหลืออยู่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์

อีกทั้งช่วงนี้ถึงจะมีปัญหาช้างป่าที่อุทยานฯ แก่งกระจานถูกยิงเสียชีวิตในพื้นที่บ้านป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ก็ตาม แต่ก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และชาวไทยต่างยังคงพากันเดินทางมาดูโขลงช้างป่า และสัตว์ป่าในพื้นที่อุทยานฯ กุยบุรีในช่วงเย็นๆ ของทุกวัน

นักท่องเที่ยวชาวไทย และชาวต่างชาติ ล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่ช้างป่าถูกยิงเสียชีวิตที่เกิดขึ้น แต่ก็รู้สึกดีใจที่เมื่อเข้ามาท่องเที่ยวในผืนป่ากุยบุรี ยังสามารถพบเห็นช้างป่าในธรรมชาติ รวมทั้งกระทิง ฯลฯ ถึงแม้ว่าช่วงนี้สภาพจะแห้งแล้งลงไปบ้างก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรค และอยากฝากไปถึงทุกคนให้ช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ป่าเช่นกัน

นายวายุพงศ์ จิตร์วิจักษณ์ ผจก.โครงการอนุรักษ์ช้างป่ากุยบุรี wwf.ประเทศไทย กล่าวว่า ทาง wwf. ประเทศไทย และเจ้าหน้าที่อุทยานฯ กุยบุรี ทหารหน่วยเฉพาะกิจจงอางศึก ทหารชุดประสานงานโครงการพระราชดำริ ยังคงให้ความสำคัญการออกลาดตระเวนร่วมในพื้นที่อุทยานแห่งชาติป่ากุยบุรีอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันในการลักลอบการล่าสัตว์ป่า และการบุกรุกทำลายผืนป่า เราไม่ใช้เพิ่งทำแต่ทำมาหลายปีแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ wwf. ในภาคพื้นยุโรปซึ่งเดินทางเข้าร่วมประชุม “ไซเตสชอป 16” หรือการประชุมอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติ ที่กรุงเทพฯ ยังได้เดินทางมาศึกษาดูงานด้านการจัดการผืนป่ากุยบุรี และมีการสรุปด้วยว่า การพบเห็นช้างป่ากว่า 30 ตัว และกระทิง ตลอดจน “พังพอนกินปู” สัตว์หายากในผืนป่าแห่งนี้บ่งบอกได้ว่าสภาพผืนป่าอุทยานฯ กุยบุรี กำลังพลิกฟื้นคืนความอุดมสมบูรณ์ พร้อมยังได้เสนอแนะในเรื่องการที่ต้องนำเอาไข่น้ำสีเขียวออกจากบ่อน้ำ และเติมน้ำใหม่เข้าไป เพื่อให้เกิดออกซิเจน และจะไม่ทำให้น้ำในบ่อเกิดการเน่าเสีย รวมไปถึงการร่วมกับคณะเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนในผืนป่ากุยบุรีอีกด้วย





กำลังโหลดความคิดเห็น