กาญจนบุรี - วัยรุ่นกาญจนบุรีซิ่งรถ จยย.คลาสสิกกลับจากงานรวมพลคนคลาสสิกย้อนศร ประสานงากระบะดับ 2 ศพ
เมื่อเวลา 02.30 น. วันนี้ (10 มี.ค.) พ.ต.ท.นคร ฟักไพโรจน์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ว่า เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนประสานงากับรถยนต์กระบะ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดบนถนนแสงชูโต ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.พหลฯ และมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์
ไปถึงพบรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีขาว หมายเลขทะเบียน บน 5414 นนทบุรี จอดอยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับเยิน มีนายสาธิต พวงอินทร์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/14 หมู่ 8 ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เป็นคนขับ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าวาย 80 สีเขียว สภาพเก่าดัดแปลงเป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิกโบราณ ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นภาษาจีน เลข 666 สภาพพังยับเยิน ใกล้กันพบผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายวัยรุ่น 1 ราย สภาพนอนหงายจมกองเลือด ศีรษะพาดกับฟุตปาธ ตรวจสอบพบแขน และขาทั้ง 2 ข้างหักผิดรูป ลำคอหักหมุนได้รอบ การแต่งกายใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีเขียว สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ที่บริเวณหน้าอกพบบัตรเข้างานรวมพลคนคลาสสิก ซึ่งจัดขึ้นที่ อ.ท่าม่วง ทราบชื่อต่อมาคือ นายกฤษณะ นิยมสามัคคี อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173 หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.เมืองกาญจนบุรี
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 รายทราบชื่อคือ นายชาตรี นกเพศ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120/8 หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายสาธิต พวงอินทร์ คนขับรถยนต์กระบะกล่าวว่า ตนมีอาชีพทำกรอบรูปขายอยู่ที่ จ.นนทบุรี วันหยุดก็กลับมาเยี่ยมญาติที่ตำบลม่วงชุม อ.ท่าม่วง ก่อนเกิดเหตุตนเกิดหิวข้าว จึงขับรถออกจากบ้านเพื่อมากินข้าว พอมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งตนขับรถในเลนขวามาตลอดทาง จู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์วิ่งย้อนศรมาด้วยความเร็วสูงสวนเข้ามาในเลนที่ตนขับรถอยู่ จึงทำให้ชนประสานงาเข้าอย่างจัง ตนจึงรีบเปิดประตูรถยนต์ออกมาดู และพบว่า ชายวัยรุ่นที่ขับย้อนศรมาเสียชีวิตคาที่ และมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ตนจึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อให้มาดูที่เกิดเหตุโดยไม่คิดจะหลบหนีแต่อย่างใด
พ.ต.ท.นคร พักไพโรจน์ ร้อยเวรเจ้าของคดีกล่าวว่า เบื้องต้นได้เชิญตัวผู้ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุไปสอบสวน เพื่อหาสาเหตุต่อไป
เมื่อเวลา 02.30 น. วันนี้ (10 มี.ค.) พ.ต.ท.นคร ฟักไพโรจน์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.เมืองกาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ว่า เกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนประสานงากับรถยนต์กระบะ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดบนถนนแสงชูโต ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.พหลฯ และมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์
ไปถึงพบรถยนต์กระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีขาว หมายเลขทะเบียน บน 5414 นนทบุรี จอดอยู่ในสภาพด้านหน้าพังยับเยิน มีนายสาธิต พวงอินทร์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 11/14 หมู่ 8 ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เป็นคนขับ ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่าวาย 80 สีเขียว สภาพเก่าดัดแปลงเป็นรถจักรยานยนต์คลาสสิกโบราณ ติดแผ่นป้ายทะเบียนเป็นภาษาจีน เลข 666 สภาพพังยับเยิน ใกล้กันพบผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายวัยรุ่น 1 ราย สภาพนอนหงายจมกองเลือด ศีรษะพาดกับฟุตปาธ ตรวจสอบพบแขน และขาทั้ง 2 ข้างหักผิดรูป ลำคอหักหมุนได้รอบ การแต่งกายใส่เสื้อคลุมแขนยาวสีเขียว สวมกางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน ที่บริเวณหน้าอกพบบัตรเข้างานรวมพลคนคลาสสิก ซึ่งจัดขึ้นที่ อ.ท่าม่วง ทราบชื่อต่อมาคือ นายกฤษณะ นิยมสามัคคี อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 173 หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.เมืองกาญจนบุรี
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 รายทราบชื่อคือ นายชาตรี นกเพศ อายุ 19 ปี อยู่บ้านเลขที่ 120/8 หมู่ 2 ต.วังเย็น อ.เมืองกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นายสาธิต พวงอินทร์ คนขับรถยนต์กระบะกล่าวว่า ตนมีอาชีพทำกรอบรูปขายอยู่ที่ จ.นนทบุรี วันหยุดก็กลับมาเยี่ยมญาติที่ตำบลม่วงชุม อ.ท่าม่วง ก่อนเกิดเหตุตนเกิดหิวข้าว จึงขับรถออกจากบ้านเพื่อมากินข้าว พอมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งตนขับรถในเลนขวามาตลอดทาง จู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์วิ่งย้อนศรมาด้วยความเร็วสูงสวนเข้ามาในเลนที่ตนขับรถอยู่ จึงทำให้ชนประสานงาเข้าอย่างจัง ตนจึงรีบเปิดประตูรถยนต์ออกมาดู และพบว่า ชายวัยรุ่นที่ขับย้อนศรมาเสียชีวิตคาที่ และมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ตนจึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ เพื่อให้มาดูที่เกิดเหตุโดยไม่คิดจะหลบหนีแต่อย่างใด
พ.ต.ท.นคร พักไพโรจน์ ร้อยเวรเจ้าของคดีกล่าวว่า เบื้องต้นได้เชิญตัวผู้ขับขี่รถยนต์คันเกิดเหตุไปสอบสวน เพื่อหาสาเหตุต่อไป