กาญจนบุรี - ตำรวจกาญจนบุรีแถลงข่าวจับกุมแก๊งโจรกรรม จยย.ส่งขายข้ามชาติรายใหญ่ ผู้เสียหายแห่ดูของกลางเพียบ อีกคดีจับ 3 เยาวชนย่องขโมยแท็บเล็ต พร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ อึ้งสารภาพชู “แก๊งโอรส-เน วัดดาว” เป็นไอดอล
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (29 ม.ค. 56) พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จ.) กาญจนบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.มานิตย์ จำลองรักษ์ พ.ต.อ.ชินภัทร ตันศรีสกุล พ.ต.อ.มนต์ชัย เพ็ญสูตร พ.ต.อ.จรินทร์ วัฒนไพศาณฑ์ พ.ต.อ.บุญฤทธิ์ รอดมา รอง ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี พ.ต.อ.ภัทรชัย กอสนาน ผกก.สส.ภ.จ.กาญจนบุรี พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ (ปจร.) สภ.เมืองกาญจนบุรี ทั้งหมดร่วมกันแถลงข่าวจับกุมแก๊งโจรกรรมจักรยานยนต์รายใหญ่ในพื้นที่เมืองกาญจนบุรี ส่วนของกลางนำส่งไปขายที่ อ.พญาตองซู ประเทศพม่า
ผู้ต้องหามีทั้งหมด 3 คน ประกอบด้วย 1. นายสมจิตร์ หรือเอส สว่างเมฆ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 220 หมู่ 4 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี 2. นายสมิง หรือหมิง สวามีชัย อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 75 หมู่ 9 ต.ไพล อ.ลำทะเมนชัย จ.นครราชสีมา โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 รายถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเมื่อวันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา และ 3. นายคริสติชัย หรือกอล์ฟ คูหากาญจน์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 56 หมู่ 2 ต.หนองบัว อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาคนดังกล่าวเป็นนายทุนรับซื้อจักรยานยนต์ในราคาคันละ 5,000 บาทถึง 10,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพของจักรยานยนต์ โดยแก๊งดังกล่าวจะเลือกขโมยเฉพาะจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ 100 และเวฟ 125 เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีนายทุนที่กำลังหลบหนีหมายจับอีก 2 ราย คือ นายสมพงษ์ หรือพงษ์ สายสิทธิ์ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/3 หมู่ 1 ต.วังกะแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี และนายภัทรพล หรือทีป สนทอง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 399/2 ถ.แสงชูโต ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี
พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เปิดเผยว่า นายสมจิตร์ หรือเอส สว่างเมฆ และนายสมิง หรือหมิง สวามีชัย สองผู้ต้องหาหลังจากถูกจับกุมตัวได้ร่วมกันรับสารภาพว่าทั้งสองเพิ่งพ้นโทษออกมาได้ประมาณ 3 เดือน หลังจากออกจากคุกก็ไม่มีงานทำจึงได้ออกตระเวนลักจักรยานยนต์ในพื้นที่อำเภอเมืองกาญจนบุรี โดยจะขับขี่จักรยานยนต์ตระเวนไปตามสถานที่ที่มีผู้คนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตามตลาดนัดต่างๆ เมื่อพบรถตามที่ต้องการก็จะขับจักรยานยนต์ตามประกบเหยื่อ เมื่อเหยื่อเผลอก็จะลงมือในทันที โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 วินาทีก็แล้วเสร็จ จากนั้นจะนำไปขายให้กับนายคริสติชัย หรือกอล์ฟ นายสมพงษ์ หรือพงษ์ และนายภัทรพล หรือทีป ราคาคันละ 5,000 บาท หรือ 10,000 บาท แล้วแต่สภาพของรถที่ขโมยมา
ล่าสุดวันที่ 28 ม.ค.ผู้ต้องหาทั้งสองได้ไปขโมยรถจักรยานยนต์ภายในงานแสดงสินค้าโอทอป พื้นที่ตำบลท่ามะขาม โดยบริเวณงานดังกล่าวมีประชาชนไปเดินเที่ยวอยู่เป็นจำนวนมาก และสามารถขโมยจักรยานยนต์ไปได้ทั้งหมด 4 คัน จากนั้นทั้งสองได้เข้าไปขโมยจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ซึ่งขณะก่อเหตุและกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์ออกมา ปรากฏว่ามีนักศึกษาซึ่งเป็นเจ้าของจักรยานยนต์และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นพอดี ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจนสามารถติดตามจับกุมตนทั้งสองคนได้ในที่สุด
ส่วนนายคริสติชัย หรือกอล์ฟ คูหากาญจน์ ซึ่งเป็นนายทุนในการรับซื้อจักรยานยนต์ หลังจากจากซื้อจะเป็นคนลงมือแยกชิ้นส่วนจักรยานยนต์แล้วจะนำชิ้นส่วนทั้งหมดขึ้นไปซ่อนไว้ภายในรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก สีบรอนซ์ตอนเดียว หมายเลขทะเบียน บพ 8008 กาญจนบุรี ลักษณะดัดแปลงเป็นรถบรรทุกสิ่งของหลังคาสูง ใช้ผ้าใบปิดด้านข้างอย่างมิดชิด จากนั้นจะนำถุงขนมชนิดต่างๆ รวมทั้งหลอดกาแฟ มาปิดท้ายรถและผูกอย่างแน่นหนาเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ที่ตั้งด่านตรวจตามจุดต่างๆ หากเจ้าหน้าที่ไม่สังเกตก็จะมองว่าเป็นรถส่งขนมตามปกติ
ส่วนของกลางทั้งหมดที่ถูกแยกชิ้นส่วนซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์กระบะรวมทั้งหมด 12 คัน ซึ่งนายคริสติชัย หรือกอล์ฟ จะนำไปขายให้กับลูกค้าชาวพม่าที่อยู่อำเภอพญาตองซู ประเทศพม่า ซึ่งเป็นเขตติดต่อกับอำเภอสังขละบุรี โดยทุกคันจะได้กำไรคันละ 3,000 บาท การจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ถือว่าเป็นการจับกุมขบวนการโจรกรรมรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการขยายผลเพื่อติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มนายทุนที่กำลังหลบหนีอยู่ในขณะนี้
อีก 1 คดี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเดียวกัน ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาซึ่งเป็นเยาวชน 3 ราย ประกอบด้วย 1. นายต็อบ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี อยู่ ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี 2. ด.ช.แม็ค (นามสมมติ) อายุ 14 ปี อยู่ ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี และ 3. ด.ช.มาย (นามสมมติ) อายุ 14 ปี อยู่ ต.แก่งเสี้ยน อ.เมืองกาญจนบุรี โดยทั้งสามได้เข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในโรงเรียนท่าพะเนียดกุญชร เมื่อวันที่ 25 ม.ค.เวลาประมาณ 20.00 น.ได้ทรัพย์สินเป็นคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต 5 เครื่อง, เครื่อง CPU 3 เครื่อง, จอยี่ห้อ LG 2 เครื่อง แป้นพิมพ์ 2 อัน และเมาส์ 3 ตัว
นอกจากนี้ยังมีผู้ต้องหาอีก 1 รายอยู่ระหว่างการหลบหนี คือ นายบาส (นามสมมติ) อายุประมาณ 15 ปี และจากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 รายยังรับสารภาพว่าชอบในพฤติกรรมของแก๊งโอรส และแก๊งเน วัดดาว และหากโตขึ้นจะทำเลียนแบบแก๊งดังกล่าวพร้อมชูเป็นไอดอลอีกด้วย
พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ ผบก.ภ.จ.กาญจนบุรี กล่าวว่า หลังจากที่ อ.เมืองกาญจนบุรี เกิดเหตุคนร้ายลักรถจักรยานยนต์บ่อยครั้ง โดยเฉพาะสถานที่จัดงานแสดงสินค้าราคาถูก ล่าสุดถูกก่อเหตุภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี โดยมักจะหายพร้อมกันจุดละ 2 คัน ดังนั้นจึงสั่งการให้ พ.ต.อ.พงษกร อุปพงษ์ ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี ออกสืบสวนและซุ่มโป่ง จนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ โดยแต่ละคันผู้ต้องหาใช้เวลาในการก่อเหตุเพียง 2 วินาทีเท่านั้นถือว่าเป็นมืออาชีพทีเดียว
โดยจากการสอบสวนขยายผลเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ก่อเหตุในพื้นที่ อ.เมืองกาญจนบุรี ไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง ประกอบด้วย วันที่ 14 ธ.ค. 55 ลักจักรยานยนต์ฮอนด้า สีดำ ทะเบียน ขงฉ-385 กาญจนบุรี หน้าบริษัทไทยประกันชีวิต ต.ท่ามะขาม อ.เมืองกาญจนบุรี วันที่ 11 มกราคม 56 ลักจักรยานยนต์ฮอนด้า สีน้ำเงินเทา ทะเบียน คตข-727 ขอนแก่น ที่โรงแรมอินจันรีสอร์ต ต.ท่ามะขาม อ.เมืองกาญจนบุรี โดยเฉพาะวันที่ 26 มกราคม 56 ก่อเหตุลัก จักรยานยนต์ที่เดียวรวม 4 คัน ประกอบด้วย จักรยานยนต์ฮอนด้าดรีม สีแดง ทะเบียน ขจง-183 จักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 100 สีน้ำเงินเทา ทะเบียน ขงข-448 กาญจนบุรี จยย.ฮอนด้าเวฟ 125 สีน้ำเงินดำ ทะเบียน ขงจ-780 กาญจนบุรี และจักรยานยนต์ฮอนด้า สีน้ำเงินดำ ทะเบียน ขคท-744 กาญจนบุรี บริเวณงานโอทอป สนามกลีบบัว ต.ท่ามะขาม อ.เมืองกาญจนบุรี
ผู้สื่อข่าวมีรายงานว่า การจับกุมดังกล่าวเป็นการจับกุมแก๊งลักจักรยานยนต์ส่งขายประเทศพม่าเพื่อนบ้านเป็นรายใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจับได้ในรอบหลายปีในเขต จ.กาญจนบุรี ทำให้เหยื่อซึ่งเป็นเจ้าของรถที่เดินทางมาดู ถึงกับเอ่ยปากชมการทำงานของตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี ที่สามารถติดตามจับกุมแก๊งลักจักรยานยนต์ได้หลายแก๊งแล้ว ทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยุคปัจจุบันทำหน้าหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว ในส่วนผู้ต้องหาซึ่งเป็นเยาวชนจำนวน 3 ราย เจ้าหน้าที่ได้นำตัวส่งไปที่สถานพินิจเด็กและเยาวชนเพื่อคุมตัวต่อไป