อุตรดิตถ์ - ชาวนาอินโวยลั่น ต้องเลิกเลี้ยงวัว-ควายกันถ้วนหน้า จนลดฮวบจาก 5,000 ตัว เหลือ 2,000 ตัว เหตุนายทุน-นักการเมืองรุกเข้าครอบครองพื้นที่ชุ่มน้ำ แหล่งหากินของสัตว์ แถมสร้างคันดินยักษ์รอบพื้นที่ทำสวนปาล์ม นาข้าว ห้ามทั้งคนทั้งสัตว์เข้าพื้นที่
วันนี้ (10 มี.ค.) นายระเมียน จันทร์ดำ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นาอิน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ปัจจุบันชาวนาอินเลี้ยงวัวและควายประมาณ 2,000 ตัว ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่มีกว่า 5,000 ตัว โดยเฉพาะควายเหลือเพียง 200 ตัวเท่านั้น เนื่องจากมีนายทุนบุกรุกพื้นที่บึงหล่ม หมู่ 4 ต.นาอิน ซึ่งเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่กว่า 2,230 ไร่ ที่ชาวบ้านใช้เป็นที่เลี้ยงวัว และควาย
ทั้งนี้ นายทุนบุกรุกเข้าไปทำการเกษตร ทำให้เหลือพื้นที่ราว 700 ไร่เศษเท่านั้น บางส่วนเป็นหนองน้ำ แต่มีผักตบชวาขึ้นปกคลุม วัวควายไม่สามารถลงไปกินหญ้าได้ ขณะที่พื้นที่ซึ่งนายทุนบุกรุกก็ห้ามทั้งคน และสัตว์เลี้ยงเข้าไป เพราะมีการปลูกข้าวนาปรัง แม้ที่ผ่านมา อบต.จะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องต่อศาล แต่นายทุนก็ยังไม่ออกไปจากพื้นที่ ซึ่งในอนาคตน่าเป็นห่วงอยู่ว่า บึงหล่มจะถูกบุกรุกจับจองเป็นเจ้าของจนหมด แหล่งน้ำขนาดใหญ่ก็จะหมดไปด้วย รวมทั้งแหล่งหญ้าสำหรับวัวและควาย
นายระเมียนกล่าวว่า นอกจากนี้ บริเวณหนองกระพังควาย หนองเรือแตก และหนองทอง ที่มีพื้นที่รวมกันราว 2,000 ไร่เศษ ที่ชาวบ้านเคยนำวัวและควายไปเลี้ยง แต่ปีที่ผ่านมามีนักการเมืองรายหนึ่งจาก จ.พิษณุโลก เข้ามากว้านซื้อที่ดินจากประชาชนที่เข้าไปทำการบุกรุกเพื่อทำการปลูกปาล์มน้ำมัน จนทำให้หนองน้ำลดลงเหลือเพียง 100 ไร่เศษเท่านั้น
“ไม่เข้าใจว่าพื้นที่ชุ่มน้ำเมื่อมีการเปลี่ยนมือจากที่ประชาชนที่เข้าไปบุกรุกทำการเกษตร ไปอยู่ในมือของนักการเมืองเพื่อทำสวนปาล์ม กลับสามารถออกเอกสารสิทธิ์ได้ ทั้งที่เป็นพื้นที่สาธารณประโยชน์ และที่น่าเป็นห่วงมาก คือ นายทุนก็ได้ทำคันกั้นน้ำจากภายนอกเข้าสู่พื้นที่ปลูกปาล์ม หากถึงฤดูน้ำหลากน้ำทั้งหมดก็จะไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อยู่โดยรอบ ต.นาอิน แน่นอน”
ผู้สื่อข่าวได้ตระเวนดูพื้นที่รอบบึงหล่ม พบว่า พื้นที่เกือบครึ่งตกไปอยู่ในเขต ต.ดงประคำ อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ตามประกาศปรับปรุงแนวเขตปกครองของกระทรวงมหาดไทยใหม่ แม้ชาว ต.นาอิน จะพยายามคัดค้าน แต่กระทรวงมหาดไทยก็ไม่แก้ไขให้ถูกต้องด้วยการคืนพื้นที่ราว 20,000 ไร่ให้ ต.นาอิน
นอกจากนี้ บริเวณกลางบึงหล่มพบว่า มีหน่วยทหารหน่วยหนึ่งเข้ามาทำการขุดลอกบึงเขต ต.ดงประคำ โดยการนำดินขึ้นมาถมเป็นคันขนาดใหญ่ แบ่งอาณาเขตชัดเจนระหว่าง ต.ดงประคำ กับ ต.นาอิน นอกจากนี้ พื้นที่กลางบึงหล่มที่อยู่ในเขตปกครอง ต.นาอิน นายทุนบุกรุกเข้าไปทำนา แล้วสูบน้ำในบึงหล่มมาใช้จนทำนาได้ตลอดทั้งปี ส่วนพื้นที่รอบบึงหล่มมีลักษณะเป็นคลอง ขนาดกว้างราว 20 เมตร แม้จะมีน้ำ แต่ก็มีผักตบชวาขึ้นปกคลุม โดยชาวบ้านอาศัยตกเบ็ดหาปลากินไปวันๆ เท่านั้น
ส่วนบริเวณพื้นที่ปลูกปาล์มของนักการเมืองจาก จ.พิษณุโลก พบว่า มีการนำถมคันดินขนาดใหญ่รอบพื้นที่ จนรถยนต์สามารถวิ่งบนคันดินได้ และคันดินนี้ชาว ต.นาอิน วิตกว่าจะเป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในฤดูฝนต่อไป ขณะเดียวกัน พื้นที่ตอนในของคันดิน เดิมเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นแหล่งหากินของชาวบ้าน และวัวควาย เมื่อมีการปลูกปาล์ม พื้นที่ก็เหลือเพียง 100 ไร่เศษเท่านั้น