ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - รอง ผบ.ตร.เผยเตรียมหลักฐานฟ้อง “พีซีซี” ผู้รับเหมาสร้างโรงพักร้าง 396 แห่ง ทันทีทั้งแพ่ง-อาญา หลังครบสัญญา14 มี.ค. ยันผิดสัญญาชัดเหตุจ้างช่วง ชี้บริษัทรับเหมาช่วงเข้าร่วมประมูลใหม่ได้หากคุณสมบัติครบ ระบุให้ตำรวจภาคเร่งสรุปผลตรวจสอบโครงสร้างโรงพักที่ก่อสร้างไปบางส่วน แห่งใดเสร็จก่อนเดินหน้าประมูลใหม่ได้เลย
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (7 มี.ค.) ที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 3 ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ฝ่ายความมั่นคง) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการกรณีผู้รับเหมาทิ้งงานการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396 แห่งทั่วประเทศว่า ขณะนี้รอให้ครบสัญญาในวันที่ 14 มี.ค. 2556 จากนั้นทางทีมกฎหมายของตำรวจที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานจะได้ดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญากับคู่สัญญา ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่แจ้งความเองโดยไม่รอทางตำรวจก็สามารถดำเนินการได้
สำหรับข้อหาที่จะดำเนินคดีนั้นจะดูข้อมูลที่มีอยู่ ซึ่งในเรื่องการบริหารสัญญาต้องมองถึงว่าสิ่งที่เราอยากได้คือตัวตึกหรืออาคารที่ทำงาน จึงมาดูว่าทำอย่างไรจึงจะได้ตัวตึกหรืออาคารนั้นมาใช้งานให้เร็วที่สุด แล้วสิ่งที่เราเสียหายไป เวลาที่เราเสียไป เงินที่เสียไปเราจะต้องได้รับคืนกลับมา นั่นหมายความว่าเราจะต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายจากคู่สัญญา (บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด) ให้ได้ ซึ่งข้อแรกเลยคือการผิดสัญญาเรื่องการจ้างช่วงโดยไม่ได้รับอนุมัติ ซึ่งแต่ละแห่งไม่เหมือนกันต้องนำมาสรุปทั้งหมด
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ตำรวจภูธรภาคทุกภาคเร่งดำเนินการสำรวจความคืบหน้าการก่อสร้างโดยให้วิศวกรเข้าไปประเมินความแข็งแรงของสิ่งก่อสร้างที่ดำเนินการไปแล้วว่าใช้งานได้หรือไม่ จากนั้นให้รีบส่งขึ้นไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อจะได้สรุปรายละเอียดซึ่งคงต้องสรุปเป็นแต่ละรายไป เพราะในแต่ละโรงพักไม่เหมือนกัน จึงต้องเป็นความเห็นของแต่ละแห่งไป ใครเสร็จก่อนก็ดำเนินการประมูลไปก่อนเลย
ส่วนกรณีเตรียมหาผู้รับเหมาเข้ามาทำงานก่อสร้างต่อจากการก่อสร้างเดิมที่มีอยู่นั้นผู้รับเหมารายเดิมที่รับเหมาช่วงจากบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด มีสิทธิ์เข้ามาประมูลรับเหมางานได้หรือไม่ พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าวว่า หากมีคุณสมบัติครบก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ทั้งนี้ต้องดูจากการกำหนด TOR หรือคุณสมบัติของผู้เข้ามาประมูลก่อน หากเป็นไปตามที่กำหนดก็สามารถเข้ามารับเหมางานได้
สำหรับการดำเนินการแก้ปัญหากรณีโรงพักที่ถูกรื้ออาคารเดิมทิ้งให้สามารถบริการประชาชนได้นั้น พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าวว่า โรงพักแต่ละแห่งดำเนินการได้ดี ซึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เดินทางออกไปตรวจหลายแห่งแล้ว แต่อาจมีประมาณ 2-3 แห่งที่ยังไม่เข้าใจแนวคิดในการจัดสำนักงานก็ได้ให้คำแนะนำไป เช่น ห้องทำงานผู้กำกับการ ร้อยเวร และห้องขังอยู่คนละที่ เพราะส่งผลให้ประชาชนได้รับความลำบากไม่ได้รับการบริการที่จุดเดียว ซึ่งแนวคิดหลักเรา คือ การบริการจุดเดียวให้เบ็ดเสร็จ
“งบประมาณช่วยเหลือเบื้องต้นสำหรับโรงพักที่ถูกรื้อทั้งหมด แห่งละ 3 แสนบาท และที่เหลือโรงพักละ 1 แสนบาทนั้น ทาง สตช.ได้โอนลงไปช่วยเหลือทั้งหมดแล้วเพื่อให้แต่ละแห่งเร่งดำเนินการ และได้เน้นย้ำลงไปแล้วว่าตำรวจเราลำบากไม่เป็นไร แต่อย่าให้ประชาชนเดือดร้อน” พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าว
