จี้ที่ดินน่านสอบด่วน-ชาวบ้านถูกฮุบที่ออกเอกสารสิทธิทับซ้อน เร่ขายซ้ำ

น่าน - ชาวบ้านฝายแก้วบุกยื่นหนังสือที่ดินจังหวัดน่าน จี้ตรวจสอบที่ดิน 6 แปลง ที่มีคนถือครองตามใบจอง น.ส.2 มานานกว่า 30 ปี ยื่นขอโฉนด 2 รอบถูกปฏิเสธ สุดท้ายกลับออกเอกสารสิทธิทับซ้อน แถมนำไปเร่ขายสิทธิด้วย

วันนี้ (27 ก.พ. 56) นายวุฒิไกร ดวงพิกุล นายก อบต.ฝายแก้ว พร้อมด้วยชาวบ้านฝายแก้ว หมู่ 3 ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน 5 รายได้เข้ายื่นหนังสือถึงที่ดินจังหวัดน่าน เพื่อขอให้ตรวจสอบที่ดินจำนวน 6 แปลง ถือครองโดยชาวบ้าน 5 ราย ตามใบจอง น.ส.2 มานานกว่า 30 ปี เมื่อขอให้มีการออกเอกสารสิทธิ กลับพบว่ามีการอ้างสิทธิถือครองที่ดินทั้ง 6 แปลง โดยออกเป็นเอกสารสิทธิ เป็น น.ส.3 แล้วตั้งแต่ปี 2543 ทำให้ชาวบ้านเกิดความสับสนและวิตกกังวลว่าที่ดินของตนพร้อมสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดจะตกเป็นทรัพย์สินของผู้อื่น จึงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเอกสารสิทธิใหม่ทุกแปลง

นายนิล ปิงนา อยู่บ้านเลขที่ 170 ม.3 บ้านฝายแก้ว ต.ฝายแก้ว อ.ภูเพียง จ.น่าน หนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบ เปิดเผยว่า ได้อาศัยอยู่ในบ้านพร้อมที่ดินมาตั้งแต่ปี 2524 ระยะเวลา 32 ปี โดยถือใบจอง น.ส.2 มาตลอด และพยายามที่จะขอออกเอกสารสิทธิมาแล้วถึง 2 ครั้งแต่ถูกปฏิเสธ โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่าที่ดินของตนมีการขอออกเอกสารสิทธิเป็น น.ส.3 แล้วตั้งแต่ปี 2543 ทำให้รู้สึกกังวลว่าเหตุใดจึงมีการออกเอกสารสิทธิเป็นบุคคลอื่นได้ ทั้งที่ตนก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านและที่ดินมาโดยตลอด และไม่มีการแจ้งหรือรังวัดที่ดินอย่างชัดเจน

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นกับชาวบ้าน อีก 4 รายเช่นกัน นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ที่อ้างสิทธิทับซ้อนในที่ดินทั้งหมด 6 แปลง คือนางอารีย์ ชูมณี และยังมีการอ้างถึงการเสนอขายสิทธิ น.ส.3 ในราคาแปลงละ 50,000 บาทด้วย

ด้านนายพรชัย สิงห์ใจชื่น ผู้ช่วยที่ดินจังหวัดน่าน และนักวิชาการที่ดินชำนาญการได้เข้ารับเรื่องพร้อมรับฟังข้อเท็จจริงทั้งหมด เบื้องต้นตรวจสอบข้อมูลพบว่า ที่ดินทั้ง 6 แปลงมีการระวางรังวัดที่ดินจริง และมีการทำบันทึกว่ามีการคัดค้านการถือครองด้วย

อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด หากว่ามีการออกเอกสารสิทธิทับซ้อนจริง จะต้องมีการเรียกทั้งสองฝ่ายเพื่อมาตรวจสอบว่าฝ่ายใดออกเอกสารสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมายมากกว่ากัน หากการออก น.ส.3 ทับซ้อน ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็จะต้องเพิกถอน