ลำปาง - เรือนจำลำปางยันผู้ต้องขังคดีชิงทรัพย์-ทำร้ายเมียตำรวจ ถูกซ้อมจากนอกเรือนจำมาก่อน ส่วนเรื่องถูกรุมในเรือนจำมีแค่ครั้งเดียว คาดแค่รับน้องใหม่ เจ้าหน้าที่อาจหลงหูหลงตาบ้าง แต่พร้อมย้ายให้ไปอยู่สถานพยาบาลแทน ขณะที่เจ้าตัว-ญาติพอใจและโล่งอก
วันนี้ (20 ก.พ.) น.ส.จันทร์ฟอง ทายาริน อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 หมู่ 5 บ้านปงชัย ต.แม่เมาะ อ.แม่มาะ จ.ลำปาง น้องสาวนายวิบูลย์ศักดิ์ ภักดียา อยู่บ้านเลขที่ 7/2 หมู่ 4 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ และทำร้ายร่างกาย เจ้าของร้านขายของชำ ภรรยาตำรวจสืบสวนลำปาง ได้เข้าพบรักษาการผู้บัญชาการเรือนจำกลางลำปาง และเจ้าหน้าที่เรือนจำ พร้อมเข้าเยี่ยมที่ชายที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส และถูกนำตัวมาคุมขังที่เรือนจำกลางลำปาง เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่เมื่อญาติเข้าเยี่ยมพบว่านายวิบูลย์ศักดิ์ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บอีก จนต้องเข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมเมื่อวานนี้ (19 ก.พ.)
โดยเจ้าหน้าที่ได้สอบถามเรื่องราวทั้งหมดจาก น.ส.จันทร์ฟอง พร้อมระบุว่าบาดแผลที่เกิดขึ้นนั้น นายวิบูลย์ศักดิ์ได้รับก่อนที่จะถูกส่งตัวเข้ามายังเรือนจำ โดยนายวิบูลย์ศักดิ์ไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ จึงนำตัวไปควบคุมรวมกับผู้ต้องหาอื่นซึ่งอาจจะเป็นคู่กรณีเดิมอยู่ก่อนแล้วจึงถูกทำร้ายร่างกาย แต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีการใช้อาวุธ แต่นายวิบูลย์ศักดิ์เกิดความหวาดกลัวเนื่องจากอาจจะมีคู่อริอื่นอยู่ในเรือนจำด้วยก็เป็นได้
นายประสิทธิ์กล่าวภายหลังว่า จากการตรวจสอบพบว่าบาดแผลที่ปรากฏตามร่างกายของผู้ต้องหาพบว่าได้รับมาก่อนที่จะถูกส่งตัวมายังเรือนจำ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตรวจบาดแผลแล้วเห็นว่าอาการไม่หนัก ปฐมพยาบาลในเรือนจำได้ก็ให้ปฐมพยาบาลในเรือนจำ โดยไม่ส่งไปโรงพยาบาลข้างนอก กรณีที่ญาติผู้ต้องขังระบุว่าถูกนักโทษด้วยกันทำร้ายโดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้เข้าช่วยเหลือนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะในเรือนจำโดยเฉพาะแดนชายมีผู้คุมภายในประมาณ 20 นาย หากมีการทำร้ายกันคงไม่ปล่อยไว้แน่นอน แต่หากไปทำกิจกรรมคนเดียวที่หลงหูหลงตา ประกอบกับเป็นนักโทษใหม่อาจจะมีการลงไม้ลงมือบ้าง เจ้าหน้าที่อาจไม่เห็น
“เป็นเรื่องยากที่จะควบคุม เพราะนักโทษเด็ดขาดมักจะไม่กลัวตาย แม้แต่ผู้คุมเองก่อนหน้านี้ก็ถูกนักโทษทำร้าย แต่เมื่อนำภาพจากกล้องวงจรปิดมาให้นักโทษชี้ตัว กลับไม่ชี้ตัวใคร สุดท้ายก็ต้องรายงานว่าจับตัวไม่ได้ จะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่เองก็เสี่ยง แต่จะทำอะไรเกินเลยที่กฎหมายให้อำนาจก็ไม่ได้ เพราะปัจจุบันกฎหมายคุ้มครองนักโทษมากกว่าเจ้าหน้าที่เสียอีก”
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวได้รับอนุญาตให้เข้าพูดคุยกับนายวิบูลย์ศักดิ์ แต่ไม่อนุญาตให้บันทึกภาพ ซึ่งนายวิบูลย์ศักดิ์บอกว่า บาดแผลทั้งหมดถูกซ้อมก่อนที่จะเข้ามาในเรือนจำจริง แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ถูกนักโทษด้วยกันรุมชกต่อยครั้งเดียว แต่ตนบอบช้ำอยู่แล้วก็หวาดกลัว และยังรู้สึกเจ็บภายใน อยากออกไปรักษาตัวข้างนอกแต่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถอนุญาตได้ เนื่องจากเท่าที่ดูอาการก็ไม่บาดเจ็บสาหัส
เมื่อสอบถามว่า เมื่อเข้ามาแล้วได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่หรือไม่ว่ามีปัญหาหรือเป็นคู่กรณีกับใคร นายวิบูลย์ศักดิ์กล่าวว่า ไม่ได้บอก ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าคู่กรณีที่อยู่ภายนอกจะไหว้วานให้นักโทษมารุมซ้อม
ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่เมื่อรับทราบปัญหาได้ย้ายนายวิบูลย์ศักดิ์มาอยู่ในบริเวณสถานพยาบาล เพื่อป้องกันการถูกทำร้าย โดยนายวิบูลย์ศักดิ์ก็พอใจและสบายใจขึ้น รวมถึงญาติก็สบายใจไม่ติดใจอีก
