ระยอง - สมาชิกสหภาพแรงงานรื้อเต็นท์ ขนเสบียงอาหาร อุปกรณ์ออกนอกพื้นที่แลกอิสระแกนนำ ภายหลังศาลแรงงาน ภาค 2 สั่งแกนนำ 15 คน พร้อมพวกต้องออกไปภายในวันที่15 ก.พ. แกนนำเผยจะเรียกร้องสิทธิตามกฎหมายแรงงานให้ถึงที่สุด คนงานภายในเจอปัญหาไม่รู้เทคนิคเกิดปัญหามากมาย บางส่วนนัดหยุดงานมาร่วมกับสหภาพฯ ในวันจันทร์นี้อีกจำนวนมาก ส่วนบริษัทฯ ยังเดินหน้าผลิตรถต่อ เผยพร้อมจะเจรจากับทางสหภาพฯ เพื่อหาข้อยุติ
หลังบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กำหนดระเบียบการปฏิบัติงานของพนักงานสายการผลิต ให้บรรจุวันเสาร์ซึ่งเป็นวันหยุดของพนักงาน และเป็นวันที่ได้โอที ให้เป็นวันทำงานตามปกติ แต่สหภาพแรงงานฯ ไม่เห็นด้วย และไม่สามารถตกลงกันได้ จนเมื่อวันที่ 8 ก.พ.2556 บริษัทฯ ได้มีคำสั่งให้พนักงานสมาชิกสหภาพแรงงานหยุดงาน พร้อมขออำนาจศาลห้าม 13 แกนนำสหภาพฯ เข้ามาในพื้นที่ของบริษัทฯ อย่างเด็ดขาด
ทำให้พนักงานในเครือสหภาพฯ และพนักงานอื่นๆ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้ทยอยกันมาสมัครเข้าร่วมอยู่ในสหภาพแรงงานเพิ่มขึ้น และพร้อมที่จะเดินหน้าเรียกร้องสิทธิ โดยไม่ขอเข้าไปทำงานนั้น โดยมีการนัดเจรจาโต๊ะกลมกันวันนี้เพื่อหาข้อยุติ พนักงานอื่นๆ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้ทยอยกันมาสมัครเข้าร่วมอยู่ในสภาพแรงงานจำนวนมาก และพร้อมที่จะเดินหน้าเรียกร้องสิทธิโดยไม่ขอเข้าไปทำงาน
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 15 ก.พ.56 เจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ ได้นำหมายจากศาลแรงงาน ภาค 2 มาติดไว้ใกล้ๆ กับสถานที่ประท้วง และมีการขอคุ้มครองให้กลุ่มแกนนำ 15 คน พร้อมกับพวกทั้งหมดออกไปจากพื้นที่ของบริษัทฯ ภายในวันนี้ ไม่เช่นนั้นแกนนำทั้งหมดจะถูกฝากขังไม่ได้รับการปล่อยตัว ทำให้พนักงานกว่า 1,000 คน ได้ช่วยกันรื้อเต็นท์ ขนเสบียงอาหาร อุปกรณ์มาว่างกองไว้ริมถนน และร่องน้ำเพื่อแลกกับความเป็นอิสระของแกนนำทุกคน จนล่าสุด ศาลได้ปล่อยตัวแกนนำออกมาให้มีอิสระแล้ว ทำให้กลุ่มแรงงานแสดงความไม่พอใจผู้บริหารบริษัทฯ อย่างมาก ประกาศที่จะต่อสู้ตามกฎหมายแรงงานให้ถึงที่สุด และจะไม่กลับเข้าไปทำงานอีก จนกว่าบริษัทฯ จะรับกติกาของพนักงานที่เรียกร้องสิทธิในครั้งนี้ ก็คือ ให้วันเสาร์เป็นวันหยุด และทำงานโอที เหมือนเดิม
นายสุริยา โพธิ์ชัยเลิศ ประธานสหภาพแรงงาน บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตอนเช้าได้เดินทางไปศาลแรงงาน ภาค 2 กับพวกทั้งหมด 15 คน ซึ่งศาลได้ให้ข้อเสนอให้แกนนำบอกเพื่อนพนักงานที่ยังปักหลักประท้วงอยู่ในพื้นที่ของบริษัทฯ ออกไปให้หมดภายในวันที่ 15 ก.พ. จึงจะสามารถปล่อยตัวได้ เพราะถือว่าได้ปฏิบัติตามคำร้องของบริษัทฯ แล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ จะต้องดำเนินการฟ้องร้องกันตามกฎหมายต่อไป โดยเฉพาะเรื่องความเสียหายของพื้นที่ประท้วง จึงได้ตัดสินใจขอร้องให้เพื่อนๆ พนักงานดำเนินการรื้อถอน ขนเสบียง อุปกรณ์ออกจากพื้นที่ให้หมด และก็สามารถดำเนินการได้เพียงเวลาเพียง 30 นาที ซึ่งจะต้องหาพื้นที่เหมาะสมรวมตัวกันประท้วงบริษัทฯ ต่อไป จนกว่าจะมีการเจรจาที่ลงตัวที่สุด
ถึงแม้ว่าทางบริษัทฯ จะเปิดดำเนินการผลิตรถยนต์ในกะเช้าเพียงกะเดียว และมีพนักงานบางส่วนเข้าไปทำงาน แต่ก็ต้องมีอุปสรรคมากมาย เท่าที่ทราบมาวันนี้พนักงานที่ไม่มีประสบการณ์ในการประกอบรถยนต์ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ ทำให้เกิดปัญหา และโดนตำหนิอย่างมาก อีกทั้งขณะนี้ได้มีพนักงานที่เข้าไปทำงานท้อแท้ เพราะไม่สามารถทำงานตามเป้าหมายของบริษัทฯ เพราะส่วนมากเป็นพนักงานใหม่ พนักงานออฟฟิศไปทำงานเรื่องแมนทาแนนต์อื่น ทำให้เกิดปัญหา ต้องหยุดไลน์มาดำเนินการซ่อมทำกัน อาจจะเหมือนในอดีตที่ความผิดพลาดจากการใช้พนักงานทำงานผิดสายงาน จนเกิดปัญหาใหญ่ลูกค้าตำหนิ และส่งคืนรถให้มาดำเนินการให้เรียบร้อย และเคยเกิดรถไฟไหม้มาแล้ว เพราะพนักงานต่อระบบสายไฟผิด
นายสุริยา กล่าวต่อไปว่า มีพนักงานภายในบริษัทฯ ที่ทำงานในไลน์ผลิตส่งข่าวมาว่า ตอนนี้ผู้บริหารยังสนใจที่จะเคลียร์ปัญหานี้ แต่ใช้งานพนักงานใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานในหน้าที่อื่น ทำไห้พนักงานที่ทำงานอยู่ภายในบางส่วนนัดกันจะหยุดงานในวันจันทร์ที่ 18 ก.พ. และจะมาร่วมประท้วงร่วมกับสมาชิกสหภาพแรงงาน เพราะขณะนี้หวั่นว่ารถที่ผลิตออกไปจะไม่มีคุณภาพตามที่สัญญากับลูกค้าไว้ และจะทำให้รถเชฟโรเลต มีแต่ปัญหา ลูกค้าจะต้องหาทางเลือกซื้อรถที่ดีไปไว้ใช้งาน
ในส่วนของพนักงานในเครือสหภาพ มีความเป็นห่วงในเรื่องของคุณภาพ และมาตรฐานของรถเชฟโรเลต เพราะทำงานผลิตรถกันมานานนับสิบปี ทำให้รู้ปัญหา การแก้ไขปัญหา แต่ตอนนี้พนักงานที่มีประสบการณ์ มีคุณภาพ ออกมาอยู่ภายนอกเพื่อเรียกร้องสิทธิกันเกือบหมด ส่งผลให้การผลิตรถเชฟโรเลตมีปัญหาแน่นอน และในที่สุดปัญหาก็จะตามมาอีกมากมาย
นายวีโจ้ วาร์จีส ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายประชาสัมพันธ์ สื่อสารผลิตภัณฑ์ บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท เชฟโรเลต เปิดเผยว่า วันนี้กลุ่มพนักงานสหภาพแรงงานได้รื้อถอนออกนอกพื้นที่บริษัทฯ ตามหมายศาลคุ้มครองหมดแล้ว และทางผู้บริหารพยายามที่จะหาทางออกด้วยการเจรจาให้ดีที่สุด ขณะเดียวกัน ทางบริษัทฯ ก็ได้เปิดไลน์ผลิตตามปกติเพียงกะกลางวันเท่านั้น เพราะกะกลางคืนยังไม่มีพนักงานทำงานเพียงพอ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้คำนึงเรื่องคุณภาพต่างๆ นั้นก่อนที่จะส่งรถจะมีเจ้าหน้าที่เช็กพอยนต์ก่อนนำรถออกไปจากบริษัทฯ อยู่แล้ว และคาดว่าการเจรจาอาจหาจุดลงตัวได้เร็วๆ นี้ ถ้ามีการพูดคุยตกลงกันอย่างสันติ โดยทางบริษัทฯ พร้อมที่จะเจรจากับทางสหภาพฯ เพื่อหาข้อยุติ และดีแก่ทั้งสองฝ่าย