เลย - กลุ่มรักษ์เมืองเลยยื่นศาลปกครองอุดรธานี ฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัดเลย จี้เปิดสัญญาสัมปทานรับเหมาจัดงานดอกฝ้ายบานมะขามหวานเมืองเลย หลังชาวบ้านเดือดร้อนถูกเก็บค่าจอดรถโหดถึง 40 บาท/คัน ขณะที่พ่อค้าถูกเก็บค่าเช่าแผงขึ้นถึง 3 เท่าตัว
เมื่อวันที่ 9 ก.พ.56 ณ ที่ทำการไปรษณีย์เลย นายทศพล พรหมเกตุ ผู้ประสานงานกลุ่มรักษ์เมืองเลย เดินทางมาส่งคำฟ้องศาลปกครองอุดรธานี ขอให้จังหวัดเลยเปิดเผยสัญญาสัมปทานการจัดงานกาชาด “ดอกฝ้ายบาน มะขามหวานเมืองเลย” หลังจากมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บค่าจอดรถ และพ่อค้าแม่ค้าถูกเรียกเก็บค่าแผงขายสินค้าในราคาสูงกว่าทุกปี
คำฟ้องศาลดังกล่าว มีนายทศพล พรหมเกตุ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2/1 ถนนเลย-เชียงคาน ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย เป็นผู้ฟ้องคดี มีผู้ว่าราชการจังหวัดเลยเป็นผู้ถูกฟ้องคดี “งานดอกฝ้ายบานมะขามหวานเมืองเลย” เป็นงานเทศกาลประจำปีของจังหวัดเลย มาหลายปีแล้ว ทุกปีจะเริ่มจัดตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป เป็นเวลาประมาณ 10 วัน วัตถุประสงค์สำคัญของงานเพื่อส่งเสริมประเพณีศิลปวัฒนธรรมอันดีงาม และการท่องเที่ยวของจังหวัดเลย ซึ่งจังหวัดเลยโดยผู้ถูกฟ้องคดีเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดงาน การจัดงานดังกล่าวผู้ถูกฟ้องคดีจะได้ทำสัญญาจ้างเอกชนเป็นผู้บริหาร-จัดการในงาน
โดยเฉพาะงานด้านการจัดเก็บรายได้ งานด้านกิจกรรมบันเทิง หรือการขายสินค้า รวมทั้งการออกร้านแสดงผลงานต่างๆ ของภาครัฐ และเอกชน ในปี2556 งานมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-9 กุมภาพันธ์ โดยจัดที่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดเลย
การจัดงานหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะตั้งแต่มีรูปแบบการ “รับเหมา” จากเอกชนนี้ ปรากฏว่า ได้เกิดปัญหาหลายประการ มีการจัดเก็บรายได้ เช่น ค่าออกร้านค้าขายสินค้า ค่าจอดรถ หรือค่าบัตรผ่านประตู ฯลฯ ในราคาที่สูงจนประชาชนเดือดร้อน ยิ่งปีนี้ประชาชนทั่วไปได้ร้องเรียนผ่านกลุ่มรักษ์เมืองเลยว่า มีการเก็บค่าจอดรถยนต์คันละ 40 บาท ไม่ว่าจะจอดอยู่ที่ไหนในบริเวณงานรัศมีประมาณ 1 กิโลเมตร ถูกเรียกเก็บหมด ถ้าใครไม่ยอมจ่ายก็จะถูกกลุ่มของผู้รับเหมาจัดงานขูดขีดรถเสียหาย เรื่องการคิดค่าออกร้านขายสินค้าเมื่อก่อนเคยคิดเมตรละ 1,000 บาท แต่ปีนี้คิดราคา 3,500 บาทต่อเมตร บรรดาพ่อค้าแม่ขายเดือดร้อน และร้องเรียนมายังกลุ่มรักษ์เมืองเลยหลังได้รับร้องเรียน
กลุ่มรักษ์เมืองเลยมีหนังสือสอบถามไปยังผู้ถูกฟ้องคดี เมื่อ 7 ก.พ.56 ให้แก้ปัญหา และให้เปิดเผยข้อมูลการจัดงานให้สาธารณชนได้รับรู้ โดยเฉพาะสัญญาสัมปทานจ้างเอกชนจัดงาน เพราะมีการอ้างว่าผู้ถูกฟ้องคดีทำสัญญาจ้างเอกชนแค่หลักแสนบาท แต่เอกชนผู้รับจ้างเก็บรายได้เบ็ดเสร็จได้มากถึง 5-6 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ห่างกันมาก นอกจากนั้น ผู้ถูกฟ้องคดีก็มีงบประมาณประจำเพื่อจัดงานนี้อยู่แล้ว หากเป็นเช่นข่าวลือคงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะชัดเจนโปร่งใส
กลุ่มรักษ์เมืองเลยโดยผู้ฟ้องคดี จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้องคดีเปิดเผยข้อมูลเรื่องรายได้ของการจัดงาน และการใช้จ่ายเงินจากรายได้เพื่อประโยชน์ของชาวจังหวัดเลยอย่างไร โดยเฉพาะให้เปิดเผยสัญญาสัมปทานจ้างเอกชนบริหารจัดการงาน โดยให้เปิดเผยโดยเร่งด่วน