xs
xsm
sm
md
lg

พบหญิงน่าสงสารป่วยเป็นโรคอ้วนหนักกว่า200กก.(ชมคลิป)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กาญจนบุรี - พบหญิงเมืองกาญจน์ ป่วยเป็นโรคอ้วนหนักกว่า 200 กิโลกรัม ต้องหายใจผ่านสายยางจากถังออกซิเจน ขณะที่ “พ่อแม่วัยชรา” ป่วยเป็นโรคหืดหอบ และเบาหวาน รวมทั้งทรมานจากโรคเกาต์ เผยชีวิตในอดีตอยู่ในขั้นเศรษฐี หมดไปเพราะขายที่ดินเพื่อนำเงินมารักษาลูกสาว

เมื่อเวลา 14.30 น.วันนี้ (6 ก.พ.) นายจำรัส กังน้อย นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี แจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่า ที่บ้านเลขที่ 159/5 หมู่ 11 ต.จระเข้เผือก อ.ด่านมะขามเตี้ย มี 2 ตา-ยาย ป่วยเป็นโรคหืดหอบ และเบาหวาน รวมทั้งทรมานจากโรคเกาต์ ต้องทนทุกข์เลี้ยงลูกสาววัย 35 ปี และยังป่วยเป็นโรคอ้วนมีน้ำหนักกว่า 200 กิโลกรัม ปัจจุบัน ต้องหายใจด้วยเครื่องหายใจจากถังออกซิเจนตลอด 24 ชั่วโมง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมกับ นายจำรัส กังน้อย นายบันเทิง ชะอุ่ม นายกองค์การบริหารส่วนตำบลจระเข้เผือก นางศริญญา กังน้อย สมาชิกเหล่ากาชาดจังหวัดกาญจนบุรี

เมื่อเดินทางไปถึงบ้านหลังดังกล่าว พบปลูกเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียวอยู่ติดกับถนนสายจระเข้เผือก-ลำทราย โดยมีนายประศาสน์ เกตุแก้ว อายุ 68 ปี และนางลำใย เกตุแก้ว อายุ 69 ปี สองสามีภรรยานั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน นอกจากนั้น ภายในห้องนอนที่อยู่บริเวณประตูเข้าบ้านขวามือ พบ น.ส.ศิริวรรณ เกตุแก้ว อายุ 35 ปี ลูกสาวนั่งอยู่บนฟูกที่นอนหนาประมาณ 6 นิ้วทับกัน 2 ชั้น โดนใช้หลังพิงกับฝาผนังห้องนอน แต่เนื่องจากสภาพที่อ้วนและมีน้ำหนักมากกว่า 200 กิโลกรัม น.ส.ศิริวรรณ จึงต้องหย่อนขาขวาลงจากฟูก ส่วนขาซ้ายวางอยู่ด้านบน การหายใจเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากจะต้องหายใจทางสายยางผ่านท่อออกซิเจนขนาดใหญ่ที่วางอยู่บนฟูก

น.ส.ศิริวรรณ เกตุแดง อายุ 35 ปี ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 200 กิโลกรัม เปิดเผยว่า ตนมีรูปร่างอ้วนมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งขณะนั้นก็ยังไม่คิดว่าจะป่วยเป็นโรคอ้วน เพราะยังสามารถทำงานช่วยพ่อแม่ได้ตามปกติ ต่อมา ตนก็แต่งงานและมีครอบครัว แต่ไม่มีลูกด้วยกัน ไม่นานนักตนรู้สึกว่ารูปร่างของตนเริ่มมีความผิดปกติ เนื่องจากรูปร่างจะเริ่มอ้วนขึ้นเรื่อยๆ จากน้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม ก็ขึ้นมาเป็น 80 กิโลกรัม และ 140 กิโลกรัม ตามลำดับ ทั้งที่ตนก็ไม่ใช่คนรับประทานอาหารมาก หลังจากพบว่าน้ำหนักของตนเพิ่มผิดปกติ พ่อกับแม่ และสามีจึงพาไปรักษาที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ซึ่งหมอก็บอกว่าตนป่วยเป็นโรคอ้วน

จากนั้นก็ไปรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งที่จังหวัดราชบุรี แต่ก็ไม่หายป่วยสักที จนในที่สุดเงินที่เก็บไว้ก็หมดไปกับการรักษา อีกทั้งพ่อกับแม่ก็จำเป็นต้องขายที่ดินที่มีอยู่เพื่อนำเงินมารักษาตน เงินทองที่พ่อกับแม่ได้จากการขายที่ประมาณกว่า 1 ล้านบาทก็หมดไปกับการรักษาจนสมบัติที่พ่อแม่มีอยู่ก็หมดไป เหลือเพียงบ้าน และที่ดินอีกไม่มากนัก ตนบอกพ่อกับแม่ และสามีว่าไม่ไหวแล้ว ไม่ต้องรักษาแล้วแต่ทุกคนก็ไม่ยอม

จากนั้นได้ไปรักษาที่โรงพยาบาลที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งครั้งนั้นตนเจ็บปวดตามร่างกาย และทรมานเป็นอย่างมากหายใจก็ไม่ออก ขณะที่หมอกำลังทำการรักษาตนก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย พอฟื้นขึ้นมาก็มาทราบจากครอบครัวว่าตนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว พอฟื้นขึ้นมาก็ขอให้ครอบครัวพากลับบ้านเนื่องจากตนสงสารครอบครัวที่ต้องมากังวลเรื่องอาการป่วยของตน และตนก็ทราบดีว่า เงินทองไม่มีแล้ว จนในที่สุดก็กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้าน

ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ตนรับประทานอาหารได้ไม่มากนัก แต่น้ำหนักก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งขณะนี้น้ำหนักตัวอยู่ที่ประมาณ 200 กว่ากิโลกรัม ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เนื่องจากบริเวณขาทั้งสองด้านบวม และปวดเป็นอย่างมาก ส่วนท้องก็แข็งจะเดินเข้าห้องน้ำก็ไม่ได้ต้องใช้ถังน้ำเพื่อขับถ่าย โดยมีพ่อกับแม่ และสามีคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ การหายใจต้องหายใจทางสายยางผ่านถังออกซิเจน

ด้านนายประศาสน์ กล่าวด้วยน้ำตาว่า ในอดีตครอบครัวของตนเป็นครอบครัวที่มีฐานะพอสมควร ไม่เคยลำบาก แต่หลังจากที่ลูกสาวป่วย ด้วยความสงสารลูกจึงยอมขายทุกอย่างที่มีอยู่เพื่อนำเงินมารักษาลูกสาวหวังให้หายเป็นปกติ จนในที่สุดสมบัติรวมทั้งที่ดินที่มีอยู่ก็หมดไป ซ้ำร้ายตน และภรรยาก็ได้ล้มเจ็บป่วยขึ้นมาอีก โดยภรรยาป่วยเป็นโรคหืดหอบ และเบาหวาน

ส่วนตนก็ล้มป่วยเป็นโรคเบาหวาน และโรคเกาต์ ซึ่งเจ็บปวด และทรมานเป็นอย่างมาก ล่าสุด ตนเพิ่งไปผ่าตัดที่บริเวณข้อเท้า จึงไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้สะดวกอย่างที่เคย จึงทำให้ตน และภรรยาไม่สามารถดูแลลูกสาวได้ แต่ยังโชคดีอยู่บ้างที่ยังมีลูกเขยคอยดูแลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากนัก เพราะต้องออกไปรับจ้างหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว รวมทั้งหาเงินมาซื้อออกซิเจนให้แก่ภรรยาด้วย ซึ่งถือว่าภาระทั้งหมดตกไปอยู่กับลูกเขย

ด้านนายจำรัส กังน้อย นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย กล่าวว่า เบื้องต้น ตนพร้อมด้วยนายก อบต.จระเข้เผือก ได้ร่วมกันมอบเงิน และสิ่งของจำนวนหนึ่งช่วยเหลือเป็นการชั่วคราว โดยหลังจากนี้ ตนจะรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับจังหวัดลงมาช่วยเหลืออีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะกาชาดจังหวัดกาญจนบุรี และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งสาธารสุขจังหวัดกาญจนบุรี ทั้งนี้ จากการที่ได้พูดคุยกับครอบครัวดังกล่าวรวมทั้งพบเห็นสภาพความเป็นอยู่ และทราบว่าในแต่ละวันมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น หากประชาชนท่านใดมีความประสงค์ที่จะช่วยเหลือค่าใช้จ่าย รวมทั้งค่าออกซิเจน ขอให้ประสานมาที่ที่ว่าการอำเภอด่านมะขามเตี้ย หมายเลขโทรศัพท์ 0-3464-2290 และ 08-4704-1538

คลิกเพื่อรับชมคลิป :



กำลังโหลดความคิดเห็น