xs
xsm
sm
md
lg

“ปลอด” สั่งเด็ดขาดห้ามเผา-กรอกหูคนเหนือไม่เผา 100 วันจะตายหรือไง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย - “ปลอดประสพ” นั่งหัวโต๊ะประชุมส่วนราชการภาคเหนือ ย้ำนโยบายป้องกันหมอกควัน-ไฟป่า สั่งเด็ดขาดใช้ Single command ให้ผู้ว่าฯ รายงานตรงทุก 4 ชั่วโมง วันละ 4 ครั้ง ย้ำทุกวันจันทร์ทุกหน่วยต้องส่งข้อมูลถึงมือก่อนนำเข้า ครม.วันถัดไป บอกคนเหนือ 9 จังหวัด ไม่เผา 100 วันจะตายหรือไง

วันนี้ (2 ม.ค.) นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันพื้นที่ภาคเหนือ ได้เดินทางไปเป็นประธานประชุมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุมจอมกิตติ ศาลากลาง จ.เชียงราย โดยนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย นำหัวหน้าส่วนราชการทั้งเชียงราย-พะเยา เข้าร่วม ซึ่งตัวแทนแต่ละหน่วยงานได้รายงานสถานการณ์-การป้องกัน และแก้ไขปัญหาหมอกควัน-ไฟป่า ตามกำหนดหยุดเผา 100 วัน ตั้งแต่เดือน ก.พ.-เม.ย.

นายพงษ์ศักดิ์ แจ้งว่า ตอนนี้ยังไม่มีปัญหาหมอกควันเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน จึงเป็นช่วงเตรียมพร้อม เพราะทุกปีมักเกิดปัญหาและกระทบต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สุขภาพของประชาชนอย่างหนัก

ขณะที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงราย ให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมามักเกิดปัญหาหมอกควันเกินมาตรฐานราวเดือน ม.ค.-เม.ย.โดยวันที่ 10 มี.ค.2555 วัดได้ที่ อ.เมือง สูงสุดถึง 290.3 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และมีค่าเกินมาตรฐานติดต่อกันถึง 33 วัน และตั้งแต่เดือน ต.ค.2555 และ อ.แม่สาย สูงสุด 40.8 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และเกินมาตรฐานติดต่อกันถึง 54 วัน ซึ่งตั้งแต่เดือน ต.ค.2555-ม.ค.2556 ยังไม่พบการเกินค่ามาตรฐาน เพียงแต่อยู่ที่ระดับ 104 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เมื่อ 3 ม.ค.56 ที่ผ่านมาเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากช่วงที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กเพิ่มขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อเนื่อง จึงมีการคำนวณการใช้งบประมาณว่า สามารถใช้ได้ 7 ล้านกว่าบาท ก็ทำการป้องกันได้อย่างได้ผล ดังนั้น ถ้าได้งบประมาณนี้มาก็จะนำมาบริหารจัดการช่วงที่เหลือต่อไป

นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 15 แจ้งว่า ตอนนี้มีการตั้งหน่วยงานย่อยไปประจำยังจุดต่างๆ ไว้แล้ว รวมทั้งร่วมกับหน่วยงานอื่น เช่น ชาวบ้านพื้นที่ อ.แม่จัน 120 คน ชาวบ้าน และทหารกองกำลังผาเมือง 500 คน ฯลฯ เป็นเครือข่ายที่เข้าไปจัดการไฟป่า รวมทั้งกำหนดโทษฝ่ายต่างๆ ทั้งผู้ทำให้เกิดไฟป่า และเผาทุ่งซึ่งเป็นต้นเหตุ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่ไม่ทำหน้าที่ด้วย

ด้านนายปลอดประสพ กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลใช้งบประมาณร่วม 15,000 ล้านบาท ในการฟื้นฟูป่าต้นน้ำเพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น ลดปัญหาน้ำท่วม และชะลอน้ำไหลแรง แต่ปัญหาไฟป่าอาจทำให้ทั้งหมดสูญเสียไปชั่วเวลาไม่นาน รวมทั้งยังทำให้เกิดปัญหาหมอกควันอีกด้วย ปีนี้จึงปรับแผนใหม่จากเดิมไม่ให้เผาอย่างเด็ดขาด 80 วัน เป็น 100 วัน ซึ่งปีแรกๆ อาจจไม่ได้ผลเต็มที่ แต่ในระยะยาวต้องทำให้ได้ เพราะปัญหาไฟป่าเกิดจากคนแน่นอน เมื่อเกิดจากคนต้องแก้ไขได้

ดังนั้น ปีนี้จะดำเนินนโยบายเพื่อไม่ให้มีการเผาคือ ใช้ระบบ Single command หรือคำสั่งเดียวเพื่อให้ปฏิบัติไปพร้อมๆ กันอย่างได้ผล และใช้พระราชบัญญัติ กฎหมายอาญา ระเบียบ ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาใช้กับผู้ที่เผาป่า และทำไร่ และกำหนด Area approve หรือพื้นที่อนุมัติภายใต้ Single command นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัด

“ทุกหน่วยต้องรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตลอดเวลา 100 วันนี้ และทางผู้ว่าฯ จะต้องรายงานไปถึงผมทุกๆ 4 ชั่วโมง หรือวันละ 4 ครั้ง ทุกวันจันทร์ ทุกหน่วยงานจะรายงานถึงผม จะได้นำเข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารต่อไป”

กรณีปัญหาที่เกิดตามแนวชายแดน พบว่า เป็นพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้าน และไทยฝ่ายละครึ่ง แต่เชื่อว่าคนที่เข้าไปเผา และเพาะปลูกเป็นคนไทย ดังนั้น จึงต้องประสานกับประเทศเพื่อนบ้านให้ช่วยดำเนินการอย่างเข้มงวดไม่ต้องมีเมตตากันอีกแล้ว ขณะเดียวกัน ตนก็จะไปกดดันบริษัทที่จำหนายปุ๋ย ยาฆ่าแมลง รับซื้อพืชผล ฯลฯ ว่าไม่ให้เปิดทางให้ชาวบ้านมาเผากันในช่วง 100 วันนี้ ส่วนเจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นก็ควรไปพูดกับเอกชนระดับท้องถิ่นเช่นกัน

“ปัญหาไฟป่า และหมอกควันเกิดขึ้นเฉพาะ 9 จังหวัด ถ้าไม่เผากันสัก 100 วันจะตายกันหรือไง”

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ปีนี้จะสนธิกำลังกันทุกฝ่ายและหน่วยงานต่างๆ ไม่ควรเกี่ยงกันเรื่องหน้าที่รับผิดชอบในพื้นที่ ทั้งป่าไม้ อุทยาน เกษตร ฯลฯ และต้องดำเนินการเข้มข้นในพื้นที่ของตัวเองด้วย ท้ายที่สุด ถ้าต้องการใช้กำลังมากๆ เราก็ต้องพึ่งตำรวจและทหาร รวมทั้งจะมีตัวชี้วัดในปีนี้ด้วยโดยจะสำรวจจากจุดเกิดเหตุ หรือฮอตสปอตจากดาวเทียมว่า มีมากน้อยเพียงใด จำนวนอุบัติเหตุ โรงเรียนที่ปิดเพราะผลกระทบ จำนวนผู้ป่วย การขึ้นลงของเครื่องบิน ฯลฯ เพื่อนำมาประเมินดำเนินการกันต่อไป

สำหรับพื้นที่ป่าอนุรักษ์ท้องที่ จ.เชียงราย และพะเยา มีเนื้อที่รวมกันประมาณ 1,062,500 ไร่ และในปี 2555 เคยมีพื้นที่เกิดไฟป่า หรือฮอตสปอตเกิดขึ้นในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 734 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,398 จุด พื้นที่เกษตรกรรม 674 จุด รวมทั้งหมดจำนวน 2,806 จุด มากกว่าปี 2554 ที่เกิดขึ้นเพียง 715 จุด

ส่วนการเกิดไฟป่าในปี 2554 พบว่า เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.เชียงราย จำนวน 76.25 ไร่ จ.พะเยา จำนวน 165 ไร่ รวมทั้งหมด 241.25 ไร่ และปีงบประมาณ 2555 ตั้งแต่ ต.ค. 2554-พ.ค.2555 เกิดขึ้นพื้นที่ จ.เชียงราย จำนวน 921 ไร่ และ จ.พะเยา จำนวน 317 ไร่ รวมทั้งหมด 1,238.5 ไร่

กำลังโหลดความคิดเห็น