ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “เฉลิม” นำทีมแถลงผลปฏิบัติการตามยุทธการ Sun Rise@จอมทอง หลัง ตร.ภาค 5 สนธิกำลังหน่วยงานต่างๆ บุกตรวจค้น 290 พื้นที่เป้าหมายใน 3 จังหวัด ยึดยาบ้า 1.3 ล้าน ทรัพย์สินร่วม 10 ล้าน และผู้ต้องหาอีกเพียบ ด้านรองนายกฯ เผยพอใจผลงานปราบปรามยาเสพติด ยันทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันจึงจะเห็นผล
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ วิทยาเขตสะลวง-ขี้เหล็ก อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (ปส 3) พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภ.5 และคณะ แถลงข่าวผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่แพร่ระบาดของยาเสพติด ในพื้นที่รับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมทั้งนำตัวผู้ต้องหา และของกลางมาแสดงต่อสื่อมวลชน
การปิดล้อมตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ เป็นการปฏิบัติงานตามแผนยุทธการ Sun Rise@จอมทอง ซึ่งตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย ตชด.ภาค 5 ศพส.ชน. กองกำลังผาเมือง ฝ่ายปกครองจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สาธารณสุขจังหวัด และภาคเอกชน ร่วมกันสนธิกำลังเข้าดำเนินการพร้อมกันในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ จ.พะเยา ตั้งแต่เวลา 06.00 น.ของวันนี้ (1 ก.พ.) โดยมีการจัดชุดปฏิบัติการจำนวน 2,180 นาย เข้าปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่ซึ่งคาดว่าเป็นแหล่งแพร่ระบาดของยาเสพติด รวม 290 เป้าหมาย จาก 28 อำเภอ และ 1 เทศบาลใน 3 จังหวัด
ผลการปฏิบัติการสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 346 คน ได้ของกลางยาบ้า 1,399,329 เม็ด ไอซ์ 5.5 กิโลกรัม และยาเสพติดอื่นๆ อย่างเฮโรอีน ยาอี และยาเค ขณะเดียวกัน ยังสามารถยึดเงิดสด 3,560,000 บาท ทรัพย์สินมูลค่า 10,753,600 บาท ซึ่งประกอบด้วย รถยนต์ รถจักรยานยนต์ บ้านพร้อมที่ดิน และทองคำ รวมถึงอาวุธปืนและเครื่องกระสุนอีกหลายรายการ
ในการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดจากเครือข่ายที่สำคัญได้ 2 รายการ ประกอบด้วย คดีการฆาตกรรมนายประภัทร์ จันทรังษี ผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ อ.ฮอด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.สส.ภ.5 และ สภ.จอมทอง สามารถจับกุมนายปฏิวัติ กันทา นายประชัน อินต๊ะปัน และนายผ่อน อินต๊ะปัน ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่านายประภัทร์ในพื้นที่ อ.จอมทอง สาเหตุมาจากการที่ผู้ต้องหาทั้งหมดต้องการนำยาบ้าของนายประภัทร์ไปจำหน่ายเอง จึงหักหลัง และหลอกนายประภัทร์ออกมาสังหารก่อนโยนศพทิ้งลงแม่น้ำปิง
ส่วนอีกคดีหนึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.ภ.5 สามารถจับกุม นายวิวัฒน์ แสนยากุล สมาชิกเครือข่ายกลุ่มม้งสันสลี อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย พร้อมของกลางเงินสดประมาณ 3,560,000 บาท ยาบ้า และทรัพย์สินอื่นๆ หลังจากสืบทราบว่าผู้ต้องหาเตรียมจะนำเงินสดที่ได้จากการขายยาเสพติด ซึ่งขบวนการลำเลียงจาก ต.สันสลี องเวียงป่าเป้า จ.เชียงราย มาส่งให้แก่กลุ่มชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ กลับไปส่งให้แก่เครือข่ายยาเสพติดกลุ่มม้งสันสลี
ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พอใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานต่างๆ เพราะการปราบปรามยาเสพติดนั้นเฉพาะรัฐบาล ตำรวจ หรือฝ่ายปกครองไม่สามารถดำเนินการให้สำเร็จได้ แต่จะต้องได้รับการสนับสนุน และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
ขณะเดียวกัน การทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยตนในฐานะของ ผอ.ศพส. ได้กำชับให้มีการทำงานร่วมกัน ทั้งในระดับจังหวัดที่ ผบก.ภูธรจังหวัด จะต้องประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัด และ ผกก.สภ.จะต้องประสานงานกับนายอำเภอในพื้นที่ รวมไปถึงการขอความร่วมมือจากกำนัน และผู้ใหญ่บ้านในการสอดส่องดูแลและรายงานข้อมูลต่างๆ ขณะเดียวกัน หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดก็จะต้องมีการดำเนินการอย่างเฉียบขาด
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อไปว่า พื้นที่ภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดูแลอย่างเข้มงวด เพราะถือเป็นจุดสำคัญที่ยาเสพติดเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งนอกจากการที่หน่วยงานต่างๆ จะต้องดำเนินการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติดแล้ว รัฐบาลยังเตรียมที่จะหยิบยกเอาปัญหาการลักลอบผลิตยาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านมาพิจารณา โดยจะใช้กรณีของการทำผิดนอกราชอาณาจักร ที่มีผลสืบเนื่องถึงความผิดในราชอาณาจักรมาใช้ดำเนินการกับกลุ่มผู้ผลิต และค้ายาเสพติดที่อยู่ในต่างประเทศ โดยจะทำการรวบรวมข้อมูลของบุคคลเหล่านี้ และประสานไปยังทั้งประเทศเพื่อนบ้าน และตำรวจสากลเพื่อผลักดันให้มีการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังการแถลงข่าว ร.ต.อ.ดร.เฉลิม ได้เป็นประธานในการประชุมเชิงปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในชุมชน และสถานประกอบการพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ซึ่งมีหัวหน้าส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้แทนสถานประกอบการ จำนวน 3,700 คน เข้าร่วมการประชุม โดยการประชุมดังกล่าวมีขึ้นเพื่อทำความเข้าใจกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการสอดส่องดูแล และเฝ้าระวังการลักลอบซุกซ่อน หรือจำหน่ายยาเสพติดในชุมชน หรือสถานประกอบการต่างๆ