ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ชาวบ้านหนองหลัก อ.ชุมพวง โคราชสุดทน ชุมนุมหน้า “ย่าโม” เรียกร้องจังหวัดฯ และตำรวจเอาผิด “นายอำเภอชุมพวง” ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบปล่อยให้นายทุน-ผู้นำชุมชนบุกรุกยึดครองที่สาธารณประโยชน์กว่า 2,600 ไร่ยืดเยื้อมานาน เผยศาลปกครองมีคำพิพากษาชัดสั่งให้ยึดคืนที่ดินรัฐภายใน 180 วันแต่ยังเพิกเฉยมากว่า 1 ปี ก่อนเคลื่อนขบวนยื่น ตร.ภาค 3 เชือดอาญาตาม ม.157
วันนี้ (22 ม.ค.) ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) ถ.ราชดำเนิน อ.เมือง จ.นครราชสีมา ตัวแทนชาวบ้านหนองหลัก อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา กว่า 10 คน นำโดย นายสมชัย หาญสมัคร ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หนองหลัก อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา เดินทางมาชุมนุมเรียกร้องให้ทางจังหวัดนครราชสีมาและเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการเอาผิดต่อ นายผล ดำธรรม นายอำเภอชุมพวง ที่เพิกเฉยไม่ดำเนินการตามคำสั่งศาลปกครองนครราชสีมาในการขับไล่กลุ่มนายทุนและชาวบ้านที่เข้าไปบุกรุกยึดครองที่สาธารณประโยชน์ของหมู่บ้าน จำนวน 2,605 ไร่ ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านหนองหลัก ต.หนองหลัก อ.ชุมพวง จ.นครราชสีมา
นายสมชัย หาญสมัคร ประธานสภา อบต.หนองหลัก อ.ชุมพวง แกนนำชาวบ้าน เปิดเผยว่า ที่ดินสาธารณประโยชน์ทั้ง 2,605 ไร่ดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 บ้านหนองหลัก ต.หนองหลัก อ.ชุมพวง ถูกบุกรุกมานานกว่า 50 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายจนมาถึงรุ่นลูกหลาน ด้วยการเข้าไปทำการเกษตร ทั้งทำนา ปลูกมันสำปะหลัง โดยมีผู้บุกรุกจำนวนกว่า 202 ราย มีทั้งนายทุน ผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิก อบต. และชาวบ้าน แต่เนื่องจากส่วนราชการปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการปกป้องที่สาธารณประโยชน์จึงทำให้กลุ่มผู้บุกรุกเข้าไปยึดครองเป็นของตัวเองทั้งที่ที่ดินดังกล่าวนี้มีเอกสารสำคัญสำหรับที่หลวง (น.ส.ล.) ระบุพื้นที่และขอบเขตไว้อย่างชัดเจนจำนวน 4 แปลง ลงนามโดยอธิบดีกรมที่ดินในสมัยนั้น
รวมทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาชาวบ้านพยายามรวมตัวกันเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐโดยเฉพาะนายอำเภอเร่งดำเนินการผลักดันกลุ่มผู้บุกรุกออกจากพื้นที่เพื่อคืนที่สาธารณประโยชน์อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้ประชาชนใน ต.หนองหลักได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่กลับนิ่งเฉยไม่มีการดำเนินการใดๆ ต่อกลุ่มผู้บุกรุกดังกล่าว
ต่อมาตนพร้อมพวกรวม 10 คน ได้ยื่นฟ้องนายอำเภอชุมพวง (นายผล ดำธรรม) ต่อศาลปกครองจังหวัดนครราชสีมา ตามคดีหมายเลขดำที่ 41/2548 คดีหมายเลขแดงที่ 632/2554 เรื่องพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่รัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร และเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2554 ศาลปกครองมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้นายอำเภอดำเนินการคุ้มครองป้องกันที่ดินของรัฐที่พิพาทในคดีนี้ ตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 และ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ. 2553 และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในกำหนด 180 วัน นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
แต่จนถึงขณะนี้นายอำเภอคนดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการตามที่ศาลปกครองมีคำสั่ง และชาวบ้านยังไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในการนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปเลี้ยงในพื้นที่ดังกล่าวได้แต่อย่างใด
จากนั้นกลุ่มชาวบ้านได้เคลื่อนขบวนไปที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ถ.สรรพสิทธิ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อยื่นหนังสือเปิดผนึกร้องเรียนต่อ พล.ต.ท.เชิด ชูเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) เพื่อให้บังคับใช้กฎหมายให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครองนครราชสีมาโดยเร่งด่วน เนื่องจากนายอำเภอชุมพวงได้ละเว้นการปฏิบัติและถ่วงเวลาเอื้อประโยชน์ต่อผู้บุกรุกที่หลวง ละเลยไม่ดำเนินการตามคำพิพากษามานานกว่า 1 ปี ถือเป็นการละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มีความผิดตามมาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา
โดยมี พล.ต.ต.จักรทิพย์ โหละสุตสกุล รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รอง ผบช.ภ.3) มารับหนังสือดังกล่าว พร้อมขอเวลาในการตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดก่อนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมจึงสลายตัวกันกลับไปในที่สุด