ประจวบคีรีขันธ์ - ตำรวจประจวบฯ แถลงผลงานระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่เพียง 1 สัปดาห์ ได้อาวุธปืนสั้น และปืนยาว 22 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก ส่วนใหญ่พบเป็นอาวุธปืนเถื่อน เผย ผบก.ประจวบคีรีขันธ์ เตรียมสั่งทำลายอาวุธปินทั้งหมดต่อหน้าสาธารณชนและสื่อมวลชน
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (22 ม.ค.) ที่บริเวณหน้า สภ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ชูนาค รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.นิรันดร์ ดีมี รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบฯ พร้อมด้วย ผกก.แต่ละโรงพัก หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมในพื้นที่ 16 โรงพักของ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในช่วงตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจากโรงพัก 16 แห่งในพื้นที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ทำการกวาดล้างอาชญากรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการป้องกันการใช้อาวุธปืนไปก่อเหตุ โดยเฉพาะเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่ส่วนใหญ่คดีมักเกิดจากการใช้อาวุธปืนยิงกันจนถึงแก่ความตาย และได้รับบาดเจ็บ ซึ่งการระดมกวาดล้างครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจยึดอาวุธปืนสั้น และปืนยาว ได้รวม 22 กระบอก พร้อมเครื่องเครื่องกระสุนปืนเป็นจำนวนมาก
พล.ต.ต.ฐเนษฐ กล่าวว่า ส่วนใหญ่เป็นอาวุธปืนเถื่อน และอาวุธปืนที่มีทะเบียน ทั้งนี้ อาวุธปืนเถื่อน และเครื่องกระสุนทั้งหมดจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปตรวจสอบ และทำประวัติทั้งหมดเพื่อเทียบเคียงรายละเอียดว่าเคยไปใช้ก่อเหตุหรือไม่ หลังจากนั้น จะรวบรวมลายละเอียดบันทึกไว้เป็นข้อมูล หลังจากนั้นจะมีการใช้รถบดทำลายต่อหน้าสื่อมวลชน และหน่วยงานต่างๆ อีกครั้งหลังการตรวจสอบเสร็จสิ้น
ส่วนอาวุธปืนที่มีทะเบียนจะต้องทำการตรวจสอบ และบักทึกไว้เป็นหลักฐานอย่างละเอียด เนื่องจากที่ผ่านมา เหตุที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งก็มีการใช้อาวุธปืนที่มีทะเบียนไปก่อเหตุเช่นกัน และจะดำเนินการศึกษาขั้นตอนของกฎหมายต่อไปอีกว่า อาวุธปืนที่มีทะเบียน และการครอบครองแต่มีการให้คนอื่นไปพกพาและนำไปก่อเหตุ เจ้าของปืนที่มีทะเบียนควรที่จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วย
พล.ต.ต.ฐเนษฐ กล่าวอีกว่า ในขณะเดียวกัน ก็สามารถจับกุมตัวสามีภรรยา ร่วมก่อเหตุฆ่านายขวัญ หมั่นทองสุข อายุ 64 ปี ชาวบ้านบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จนเสียชีวิตภายในห้องเช่าที่ อ.บางสะพาน โดยทั้งสองได้ใช้ของแข็งทุบศีรษะ และจับมัดมือไขว้หลังเพื่อชิงทรัพย์เป็นสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1 บาท เหตุเกิดในช่วงคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ที่ จ.สุพรรณบุรี ทราบชื่อคือ นายเศกศักดิ์ ใจมั่น ชาวบ้านสุพรรณบุรี และ น.ส.สุภาพร สีตค อายุ 22 ปี เป็นชาวบ้าน จ.ลพบุรี ซึ่งผู้ต้องหาทั้ง 2 เป็นสามีภรรยา พร้อมรถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นมีโอ สีฟ้า หมายเลขทะเบียน กบม 656 พัทลุง และโทรศัพท์มือถือ นาฬิกาข้อมือ 1 เรือน โดยผู้ต้องหาทั้งสองรับสารภาพ ส่วนสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 1 บาท นำไปขายที่กรุงเทพฯ ได้เงินมา 21,000 บาท หลังจากนั้นจึงควบคุมตัวดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา
