ร้อยเอ็ด - ชาวนาเมืองร้อยเอ็ดช้ำ โจรลักข้าวเปลือกคืนเดียว 3 รายเกือบ 10 ตัน ตร.ใช้ภาพจากกล้องวงจรปิดตามล่า เชื่อมีคนในพื้นที่สมคบให้ข้อมูลโจร ที่มีข้อมูลก่อเหตุมาแล้วนับ 10 รายในอำเภอศรีสมเด็จร้อยเอ็ด และการประกันราคาข้าวทำให้ราคาดีอาจเป็นเหตุจูงใจ
วันนี้ (15 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและชุดปราบปรามอาชญกรรมนอกเครื่องแบบ ภ.ศรีสมเด็จร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจสอบหาหลักฐานที่บ้านผู้เสียหาย และตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 3 บ้านเหล่าล้อ ต.เหล่าล้อ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ของนางวอน เพ็งผลา อายุ 45 ปี ซึ่งถูกคนร้ายลักข้าวเปลือกเจ้าจากยุ้งข้าวที่ห่างจากตัวบ้านประมาณ 70 เมตร ไปกว่า 3 ตัน และข้าวเปลือกเหนียวอีกประมาณ 2 ตัน
โดยคนร้ายใช้เวลากลางคืนตัดรั้วลวดหนามเข้ามาทางหลังบ้าน แล้วใช้คีมตัดกุญแจยุ้งลักข้าวไปจนไม่เหลือ ทิ้งไว้เพียงรอยล้อรถเป็นหลักฐานโดยไม่มีเบาะแสอื่น
นางวอนกล่าวว่า เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่มาก จากการทำนา 40 ไร่ ลงทุนไปกว่า 3 หมื่นบาท ได้ข้าวมาก็ไม่ต้องการขายเพราะต้องการเก็บไว้สีกินเลี้ยงครอบครัว และส่วนหนึ่งใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวปีต่อไป ไม่คิดว่าจะโดนลัก มารู้ตัวเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมาเมื่อข้าวสารหมดจึงไปตักข้าวมาสีกิน
จึงทราบว่าข้าวที่เหลือจากการขายใช้หนี้หมดแล้วโดนลักไปเกือบจะหมดยุ้งฉาง ทำให้หมดหวังที่จะมีข้าวกิน รวมทั้งขาดพันธุ์ข้าวปลูกที่จะใช้ในทำนาในปีต่อไปด้วย
ในขณะที่นางวันดี หงส์อุดร ชาวนาอีกรายที่โดนลักข้าวเปลือกเจ้าไปด้วยจำนวน 40 กระสอบปุ๋ย ประมาณ 1.5 ตัน กล่าวว่า รู้สึกหมดหวังกับชีวิตเพราะจากนี้ไปจะไม่มีข้าวกิน เพราะทำนาได้เพียงปีละครั้งเพราะไม่มีน้ำที่จะทำนาปรังได้ จึงหวังพึ่งเพียงเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายติดตามตัวคนร้ายให้ได้เพื่อที่จะได้ข้าวคืนมา และเพื่อกันคนร้ายไปก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่อื่นๆ
ทางด้านนายพงศ์พัฒน์ สุขวันดี ผู้ใหญ่บ้านเหล่าล้อ กล่าวว่า ตนก็โดนด้วย โดยไม่รู้ตัวว่าข้าวหายไปเมื่อไร เพราะหลังจากที่ชาวบ้านในหมู่บ้านมาแจ้งว่าข้าวโดนลักไป 2 ราย ตนก็รีบประชาสัมพันธ์แจ้งให้ชาวบ้านเฝ้าระวังการขโมยข้าว แต่หลังจากประกาศเตือนชาวบ้านแล้วมาตรวจสอบยุ้งข้าวของตนเองก็ปรากฏว่าก็โดนลักขโมยไปด้วย
และพบว่าข้าวในยุ้งที่ห่างจากบ้านประมาณ 50 เมตรทางหลังบ้าน มีข้าวเจ้าบรรจุกระสอบไว้ 60 กระสอบก็โดนงัดประตูเอาข้าวไป 57 กระสอบ เหลือไว้ให้เพียง 3 กระสอบเท่านั้น ซึ่งข้าวที่หายไปก็ประมาณ 2 ตัน มูลค่าเกือบ 4 หมื่นบาท
ทางด้าน พ.ต.ต.รุ่งเรือง สลับสี พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้างานสอบสวน สภ.ศรีสมเด็จ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า การลักข้าวในพื้นที่ อ.ศรีสมเด็จ มีข้อมูลการเกิดขึ้นใน 6 หมู่บ้าน 3 ตำบลของพื้นที่ อ.ศรีสมเด็จ ส่วนการลักข้าวที่บ้านเหล่าล้อน่าจะเกิดในวันเดียวกันทั้ง 3 ราย ซึ่งจากข้อมูลที่ได้เบื้องต้นทางการสืบสวนเชื่อว่าน่าจะเป็นการร่วมมือกันของคนในพื้นที่ และคนร้ายจากต่างถิ่นที่ได้ข้อมูลเบาะแสจากคนในพื้นที่ และหมู่บ้าน
จึงทราบว่ามีข้าวในยุ้งฉางที่บรรจุกระสอบไว้ หรือไม่มีการบรรจุกระสอบ เพราะคนร้ายมีการเตรียมการเอากระสอบ และเชือกมัดปากกระสอบมาด้าย สำหรับการสืบสวนในขณะนี้ได้รับความร่วมมือ และได้เบาะแสจากกล้องวงจรปิดจากหมู่บ้านที่ถูกลักข้าว และจากจุดต่างๆ ในหมู่บ้านหลายหมู่บ้านจนพอทราบเบาะแสรถที่ตระเวนลักข้าวชาวบ้านแล้ว
ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจับกุมต่อไป ในขณะเดียวกันก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานกับแกนนำหมู่บ้านประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านระวังการก่อเหตุซ้ำ และจับตาความผิดปกติ และรถแปลกปลอมที่เข้ามาในหมู่บ้านอย่างเข้มงวดเพื่อกันการก่อเหตุอีกแรงหนึ่งด้วย
สำหรับการเกิดการลักข้าวเปลือกมากขึ้นนี้ อาจจะเกิดจากสาเหตุการประกันราคาข้าวของรัฐบาลมีส่วนที่ทำให้ข้าวราคาดีกลายเป็นเหตุจูงใจได้
วันนี้ (15 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและชุดปราบปรามอาชญกรรมนอกเครื่องแบบ ภ.ศรีสมเด็จร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจสอบหาหลักฐานที่บ้านผู้เสียหาย และตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมที่บ้านเลขที่ 36 หมู่ 3 บ้านเหล่าล้อ ต.เหล่าล้อ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด ของนางวอน เพ็งผลา อายุ 45 ปี ซึ่งถูกคนร้ายลักข้าวเปลือกเจ้าจากยุ้งข้าวที่ห่างจากตัวบ้านประมาณ 70 เมตร ไปกว่า 3 ตัน และข้าวเปลือกเหนียวอีกประมาณ 2 ตัน
โดยคนร้ายใช้เวลากลางคืนตัดรั้วลวดหนามเข้ามาทางหลังบ้าน แล้วใช้คีมตัดกุญแจยุ้งลักข้าวไปจนไม่เหลือ ทิ้งไว้เพียงรอยล้อรถเป็นหลักฐานโดยไม่มีเบาะแสอื่น
นางวอนกล่าวว่า เป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่มาก จากการทำนา 40 ไร่ ลงทุนไปกว่า 3 หมื่นบาท ได้ข้าวมาก็ไม่ต้องการขายเพราะต้องการเก็บไว้สีกินเลี้ยงครอบครัว และส่วนหนึ่งใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ข้าวปีต่อไป ไม่คิดว่าจะโดนลัก มารู้ตัวเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมาเมื่อข้าวสารหมดจึงไปตักข้าวมาสีกิน
จึงทราบว่าข้าวที่เหลือจากการขายใช้หนี้หมดแล้วโดนลักไปเกือบจะหมดยุ้งฉาง ทำให้หมดหวังที่จะมีข้าวกิน รวมทั้งขาดพันธุ์ข้าวปลูกที่จะใช้ในทำนาในปีต่อไปด้วย
ในขณะที่นางวันดี หงส์อุดร ชาวนาอีกรายที่โดนลักข้าวเปลือกเจ้าไปด้วยจำนวน 40 กระสอบปุ๋ย ประมาณ 1.5 ตัน กล่าวว่า รู้สึกหมดหวังกับชีวิตเพราะจากนี้ไปจะไม่มีข้าวกิน เพราะทำนาได้เพียงปีละครั้งเพราะไม่มีน้ำที่จะทำนาปรังได้ จึงหวังพึ่งเพียงเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายติดตามตัวคนร้ายให้ได้เพื่อที่จะได้ข้าวคืนมา และเพื่อกันคนร้ายไปก่อเหตุสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่อื่นๆ
ทางด้านนายพงศ์พัฒน์ สุขวันดี ผู้ใหญ่บ้านเหล่าล้อ กล่าวว่า ตนก็โดนด้วย โดยไม่รู้ตัวว่าข้าวหายไปเมื่อไร เพราะหลังจากที่ชาวบ้านในหมู่บ้านมาแจ้งว่าข้าวโดนลักไป 2 ราย ตนก็รีบประชาสัมพันธ์แจ้งให้ชาวบ้านเฝ้าระวังการขโมยข้าว แต่หลังจากประกาศเตือนชาวบ้านแล้วมาตรวจสอบยุ้งข้าวของตนเองก็ปรากฏว่าก็โดนลักขโมยไปด้วย
และพบว่าข้าวในยุ้งที่ห่างจากบ้านประมาณ 50 เมตรทางหลังบ้าน มีข้าวเจ้าบรรจุกระสอบไว้ 60 กระสอบก็โดนงัดประตูเอาข้าวไป 57 กระสอบ เหลือไว้ให้เพียง 3 กระสอบเท่านั้น ซึ่งข้าวที่หายไปก็ประมาณ 2 ตัน มูลค่าเกือบ 4 หมื่นบาท
ทางด้าน พ.ต.ต.รุ่งเรือง สลับสี พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้างานสอบสวน สภ.ศรีสมเด็จ อ.ศรีสมเด็จ จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า การลักข้าวในพื้นที่ อ.ศรีสมเด็จ มีข้อมูลการเกิดขึ้นใน 6 หมู่บ้าน 3 ตำบลของพื้นที่ อ.ศรีสมเด็จ ส่วนการลักข้าวที่บ้านเหล่าล้อน่าจะเกิดในวันเดียวกันทั้ง 3 ราย ซึ่งจากข้อมูลที่ได้เบื้องต้นทางการสืบสวนเชื่อว่าน่าจะเป็นการร่วมมือกันของคนในพื้นที่ และคนร้ายจากต่างถิ่นที่ได้ข้อมูลเบาะแสจากคนในพื้นที่ และหมู่บ้าน
จึงทราบว่ามีข้าวในยุ้งฉางที่บรรจุกระสอบไว้ หรือไม่มีการบรรจุกระสอบ เพราะคนร้ายมีการเตรียมการเอากระสอบ และเชือกมัดปากกระสอบมาด้าย สำหรับการสืบสวนในขณะนี้ได้รับความร่วมมือ และได้เบาะแสจากกล้องวงจรปิดจากหมู่บ้านที่ถูกลักข้าว และจากจุดต่างๆ ในหมู่บ้านหลายหมู่บ้านจนพอทราบเบาะแสรถที่ตระเวนลักข้าวชาวบ้านแล้ว
ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจับกุมต่อไป ในขณะเดียวกันก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานกับแกนนำหมู่บ้านประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านระวังการก่อเหตุซ้ำ และจับตาความผิดปกติ และรถแปลกปลอมที่เข้ามาในหมู่บ้านอย่างเข้มงวดเพื่อกันการก่อเหตุอีกแรงหนึ่งด้วย
สำหรับการเกิดการลักข้าวเปลือกมากขึ้นนี้ อาจจะเกิดจากสาเหตุการประกันราคาข้าวของรัฐบาลมีส่วนที่ทำให้ข้าวราคาดีกลายเป็นเหตุจูงใจได้