“ปทส.” บุกทลายฟาร์มนกหวงห้ามนำเข้าร่วมพันตัว มูลค่าหลายสิบล้าน

บุรีรัมย์ - “ปทส.” ร่วม จนท.กรมอุทยานฯ และ ตร.บุรีรัมย์ นำหมายศาลบุกตรวจยึดนกหวงห้ามนำเข้าจากต่างประเทศหลายชนิดร่วมพันตัว ที่เจ้าของปั๊มแก๊สลักลอบเปิดฟาร์มเพาะเลี้ยงไว้จำหน่าย คาดมูลค่าซื้อขายหลาย 10 ล้านบาท ขณะเจ้าตัวอ้างมีใบอนุญาตและหลักฐานซื้อขายถูกต้อง

วันนี้ (14 ม.ค.) เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดย พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ นพโพธิพงษ์ ผู้กำกับการ (ผกก.) 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ได้ผสานกำลังกับเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช, สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดบุรีรัมย์ ปศุสัตว์ อ.นางรอง และตำรวจ สภ.นางรอง ได้นำหมายศาลจังหวัดนางรอง เลขที่ ค.4/2556 เข้าทำการตรวจค้นภายในปั๊มแก๊สแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่เลขที่ 111 ม.11 ถนนสายนางรอง-หนองกี่ บ.หนองตะเคียน ต.หนองโบสถ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งมี นายจารุพัฒน์ ศิริวงษาวลี อายุ 35 ปี เป็นเจ้าของนำเข้าตรวจสอบ หลังสืบทราบว่ามีการลักลอบเพาะเลี้ยงนกหวงห้ามที่นำเข้าจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

จากการเข้าไปตรวจสอบพบบริเวณด้านหลังปั๊มแก๊สมีการก่อสร้างเป็นฟาร์มใช้สำหรับเพาะเลี้ยงสัตว์ เมื่อเข้าไปตรวจสอบภายในพบนกสวยงามจำนวนหลายชนิดถูกเลี้ยงไว้ภายในกรงที่แบ่งแยกเป็นสัดส่วนอยู่ร่วม 1,000 ตัว มีบางกรงนกอยู่ระหว่างฟักไข่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนกหวงห้ามใกล้สูญพันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น นกแก้วมาคอร์, นกแก้วซันคอนัวร์, ไก่ฟ้าโกลเดน, นกยูงอินเดีย ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามที่องค์กรอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสัตว์ป่าและพันธุ์พืชใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส ได้ขึ้นบัญชีไว้ มี 3 บัญชี คือ 1. สัตว์ป่าและพันธุ์พืชใกล้สูญพันธุ์ห้ามส่งออก 2. สัตว์ป่าและพันธุ์พืชใกล้สูญพันธุ์สามารถส่งออกและนำเข้าได้แต่ต้องได้รับอนุญาต และ 3. สัตว์ป่าและพันธุ์พืชใกล้สูญพันธุ์สามารถซื้อขาย ส่งออกและนำเข้าได้โดยไม่ต้องขออนุญาต

ทั้งนี้ คาดว่านกดังกล่าวหากส่งจำหน่ายจะมีมูลค่าหลายสิบล้านบาท เพราะนกบางชนิดมีราคาซื้อขายตั้งแต่ตัวละ 10,000-100,000 บาท

นายจารุพัฒน์ ศิริวงษาวลี อายุ 35 ปี เจ้าของปั๊มแก๊สและฟาร์มนก กล่าวว่า ได้นำนกทั้งหมดมาเพาะเลี้ยงที่นี่เป็นเวลานานกว่า 2 ปี โดยได้รับมาจากฟาร์มเลี้ยงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพื่อเพาะเลี้ยงขยายพันธุ์ก่อนจะส่งกลับไปให้ฟาร์มดังกล่าวคืนเพื่อขายให้ผู้นิยมเลี้ยงนกต่อไป และยอมรับว่านกบางชนิดที่เพาะเลี้ยงเป็นนกผิดกฎหมาย แต่ยืนยันว่ามีเอกสารหลักฐานการซื้อขาย และนำเข้ามาอย่างถูกต้อง ซึ่งจะแสดงให้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ นพโพธิพงษ์ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการสอบสวนนายจารุพัฒน์ ศิริวงษาวดี เจ้าของปั๊มแก๊สดังกล่าว ซึ่งรับว่าเป็นเจ้าของนก ได้อ้างว่านกที่นำมาเพาะเลี้ยงมีการขออนุญาตนำเข้าและซื้อขายถูกต้อง แต่ยังไม่มีเอกสารมายืนยันต่อเจ้าหน้าที่

เบื้องต้นจึงได้ทำการตรวจยึดอายัดนกทั้งหมด ซึ่งอยู่ในบัญชีไซเตสไว้ตรวจสอบให้ชัดเจน เพื่อรอให้เจ้าของนำหลักฐานมายืนยัน แต่หากไม่สามารถนำหลักฐานมายืนยันได้ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “นำเข้าส่งออกหรือผ่านซึ่งสัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ