ประจวบคีรีขันธ์ - จนท.จัดระเบียบสังคมประจวบคีรีขันธ์ เข้าจับกุมเจ้าของร้านเกม 3 แห่งในเขตเทศบาลเมืองประจวบฯ ปล่อยให้เด็กนักเรียนกว่า 20 คนเข้าไปเล่นเกมในเวลาที่กฎหมายห้าม ก่อนเชิญผู้ปกครองมารับตัวนักเรียนไปจากโรงพัก พร้อมดำเนินคดีกับเจ้าของร้านเกม
วันนี้ (9 ม.ค.) เจ้าหน้าที่จัดระเบียบสังคมของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประกอบไปด้วยจังหวัด อำเภอ วัฒนธรรม และตำรวจ รวมทั้งกำลังกองร้อยอาสารักษาดินแดน (อส.) ได้ออกตรวจสอบร้านเกมในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองว่าลูกหลานไม่ยอมไปเรียนหนังสือ และเข้าไปเล่นเกม
นายชัยวุฒิ คุณาธิมาพันธ์ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ และกำลังกองร้อยอาสารักษาดินแดน (อส.) พร้อมด้วย ร.ต.ต.วิริยะ เวียงวิเสริฐ รอง สวป.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และวัฒนธรรมจังหวัดฯ จึงได้บูรณาการเข้าตรวจจับร้านเกมที่ทำผิดกฎหมายในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยปล่อยในเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าใช้บริการเกมส์ในเวลาที่กฎหมายห้ามไว้
ในการตรวจที่ร้านปาตี้ออนไลน์ เลขที่ 1/23 ถนนมหาราช 1 ต.ประจวบ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายฐากูร โภคาภรณ์ อายุ 27 ปี เป็นเจ้าของร้าน พบเยาวชนจำนวน 6 คน อายุระหว่าง 16-17 ปี นั่งเล่นเกมอยู่ภายในร้าน ร้านแห่งที่ 2 ชื่อ โอเอเน็ต เลขทึ่ 199/18 ถ.สุขจิต ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายโกศล แย้มศิริ อายุ 24 ปี เป็นเจ้าของร้าน พบนักเรียนอายุระหว่าง 15-17 ปี จำนวน 9 คน และร้านแห่งที่ 3 ชื่อร้าน P&P เลขที่ 18/1 ถนนเทศบาลบำรุง ต.ประจวบ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบเยาวชนหญิง 2 คน ชาย 4 คน อายุ 17 ปี
เจ้าหน้าที่จัดระเบียบสังคม จึงเชิญตัวเจ้าของร้านเกมไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเด็กนักเรียนทั้งหมดไปให้ปากคำ และทางเจ้าหน้าที่จัดระเบียบสังคมของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้อธิบายถึงการเข้าไปเล่นเกมในเวลาที่กฎหมายห้าม รวมทั้งตักเตือนเด็กนักเรียนทั้งหมดว่าไม่ควรไปเล่นเกม ควรเข้าเรียนมากกว่า พร้อมกันนั้น ได้แจ้งให้ผู้ปกครองได้รับทราบ และให้มารับตัวกลับบ้านไปในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้แจ้งข้อหาแก่เจ้าของร้านเกมทั้ง 3 แห่งในข้อหาชักจูง ยุยงส่งเสริม หรือปล่อยปละละเลยยินยอมให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์เข้าไปเล่นเกมก่อนเวลา 14.00 น. ซึ่งเป็นการทำให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิด และยุยงส่งเสริมให้เด็กกระทำการใดเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการค้า อันมีลักษณะเป็นการขัดขวางต่อการเจริญเติบโต หรือพัฒนาการของเด็ก ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งเจ้าของร้านเกมทั้ง 3 แห่งให้การรับสารภาพ
วันนี้ (9 ม.ค.) เจ้าหน้าที่จัดระเบียบสังคมของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประกอบไปด้วยจังหวัด อำเภอ วัฒนธรรม และตำรวจ รวมทั้งกำลังกองร้อยอาสารักษาดินแดน (อส.) ได้ออกตรวจสอบร้านเกมในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองว่าลูกหลานไม่ยอมไปเรียนหนังสือ และเข้าไปเล่นเกม
นายชัยวุฒิ คุณาธิมาพันธ์ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ และกำลังกองร้อยอาสารักษาดินแดน (อส.) พร้อมด้วย ร.ต.ต.วิริยะ เวียงวิเสริฐ รอง สวป.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และวัฒนธรรมจังหวัดฯ จึงได้บูรณาการเข้าตรวจจับร้านเกมที่ทำผิดกฎหมายในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยปล่อยในเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าใช้บริการเกมส์ในเวลาที่กฎหมายห้ามไว้
ในการตรวจที่ร้านปาตี้ออนไลน์ เลขที่ 1/23 ถนนมหาราช 1 ต.ประจวบ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายฐากูร โภคาภรณ์ อายุ 27 ปี เป็นเจ้าของร้าน พบเยาวชนจำนวน 6 คน อายุระหว่าง 16-17 ปี นั่งเล่นเกมอยู่ภายในร้าน ร้านแห่งที่ 2 ชื่อ โอเอเน็ต เลขทึ่ 199/18 ถ.สุขจิต ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีนายโกศล แย้มศิริ อายุ 24 ปี เป็นเจ้าของร้าน พบนักเรียนอายุระหว่าง 15-17 ปี จำนวน 9 คน และร้านแห่งที่ 3 ชื่อร้าน P&P เลขที่ 18/1 ถนนเทศบาลบำรุง ต.ประจวบ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบเยาวชนหญิง 2 คน ชาย 4 คน อายุ 17 ปี
เจ้าหน้าที่จัดระเบียบสังคม จึงเชิญตัวเจ้าของร้านเกมไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ พร้อมเด็กนักเรียนทั้งหมดไปให้ปากคำ และทางเจ้าหน้าที่จัดระเบียบสังคมของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้อธิบายถึงการเข้าไปเล่นเกมในเวลาที่กฎหมายห้าม รวมทั้งตักเตือนเด็กนักเรียนทั้งหมดว่าไม่ควรไปเล่นเกม ควรเข้าเรียนมากกว่า พร้อมกันนั้น ได้แจ้งให้ผู้ปกครองได้รับทราบ และให้มารับตัวกลับบ้านไปในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ได้แจ้งข้อหาแก่เจ้าของร้านเกมทั้ง 3 แห่งในข้อหาชักจูง ยุยงส่งเสริม หรือปล่อยปละละเลยยินยอมให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์เข้าไปเล่นเกมก่อนเวลา 14.00 น. ซึ่งเป็นการทำให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำความผิด และยุยงส่งเสริมให้เด็กกระทำการใดเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการค้า อันมีลักษณะเป็นการขัดขวางต่อการเจริญเติบโต หรือพัฒนาการของเด็ก ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งเจ้าของร้านเกมทั้ง 3 แห่งให้การรับสารภาพ