ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ ตากสั่งย้ายตะพาบยักษ์จากวัดหลวงเมืองตาก ไปเลี้ยงในบ่ออนุบาลศูนย์พัฒนาและวิจัยประมงน้ำจืดชั่วคราว หลังมีตะพาบอายุกว่าครึ่งศตวรรษทยอยตายเพิ่มรวมเป็น 7 ตัวแล้ว แถมยังแสดงอาการป่วยหนักอีก
รายงานข่าวจากจังหวัดตากแจ้งว่า หลังจากตะพาบน้ำยักษ์อายุมากกว่า 50 ปี ที่เลี้ยงไว้ในสระน้ำบริเวณหอไตรโบราณ ที่วัดมณีบรรพตวรวิหาร ตำบลหนองหลวง อำเภอเมืองตาก ตายโดยไม่ทราบสาเหตุถึง 4 ตัว โดยแต่ละตัวมีน้ำหนักตั้งแต่ 50-80 กิโลกรัม และเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดตากเข้าตรวจสอบคุณภาพน้ำแล้ว พบว่าค่า PH และออกซิเจนต่ำมาก น้ำมีความขุ่น ตะกอนสูง และมีเชื้อโรคและปรสิตจำนวนมาก คาดว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตะพาบยักษ์อายุกว่า 50 ปีติดเชื้อตาย จนมีการปรับปรุงคุณภาพน้ำตามหลักวิชาการ ใช้เกลือ และปูนขาวโรยในน้ำ แต่ล่าสุดได้มีตะพาบยักษ์ตายเพิ่มอีกถึง 3 ตัว รวมแล้วมีตะพาบยักษ์ตายไปแล้ว 7 ตัว และยังแสดงอาการอีกหลายตัว
ขณะที่นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และนายเอกพจน์ เจริญศิริวงษ์ธนา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดตาก วางแผนที่จะลงจับตะพาบยักษ์ทั้งหมดเพื่อนำไปทำการรักษายังบ่ออนุบาลของศูนย์พัฒนาและวิจัยประมงน้ำจืดตาก โดยมีนายมงคล สันฐิติวิฑูร รอง ผวจ.ตาก เป็นผู้ควบคุมการดำเนินการ เริ่มตั้งแต่วานนี้ (5 มกราคม 2555) ส่วนแผนระยะยาว ทางจังหวัดจะจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการต่อไป
นายล้วน มาอ่อน 65 ปี ชาวชุมชนวัดมณีบรรพต บอกว่า ดีใจที่ส่วนราชการเข้ามาช่วยเหลือ เพราะลำพังพระ เณร และชาวบ้านไม่สามารถทำได้ และหากจะทำการสูบน้ำออกเพื่อกำจัดปรสิตและเชื้อโรคภายในสระนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ไม่อยากให้นำสัตว์ที่อาศัยภายในสระไปปล่อยที่อื่น อยากให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ในเขตอภัยทานของวัด ไม่ให้ถูกล่าฆ่าตาย
ส่วนซากตะพาบยักษ์ที่ตอนนี้ทางวัดได้แช่เย็นเก็บรักษาไว้เพื่อจะทำการสตัฟฟ์เก็บไว้เป็นวิทยาทานความรู้แก่อนุชนรุ่นหลัง แต่ต้องใช้เงินถึงตัวละ 1-2 หมื่นบาท ซึ่งทางวัดไม่มีเงิน ดังนั้น หากมีใครสนใจก็ยินดียกให้ เพราะอาจจะต้องเผาซากตะพาบยักษ์อายุ เกือบ 50 ปี ไปอย่างน่าเสียดาย