พบคุณภาพน้ำในสระสกปรก ส่งผลตะพาบยักษ์ตายเพราะติดเชื้อ

ศูนย์เชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ ตาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดตาก ตรวจสอบคุณภาพน้ำในสระน้ำหอไตรโบราณ วัดมณีบรรพตวรวิหาร หลังรับรายงานตะพาบยักษ์ตายถึง 4 ตัวติดต่อกัน

วันนี้ (4 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ตาก ถึงกรณีตะพาบน้ำยักษ์อายุมากกว่า 50 ปี 4 ตัว ที่เลี้ยงไว้ในสระน้ำบริเวณหอไตรโบราณ วัดมณีบรรพตวรวิหาร ต.หนองหลวง อ.เมือง จ.ตาก ตายโดยไม่ทราบสาเหตุ ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ล่าสุด นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ได้สั่งการให้นายเอกพจน์ เจริญศิริวงษ์ธนา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดตาก พร้อมเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพน้ำ โดยพบว่ามีแอมโมเนียสูงเกินมาตรฐาน ค่าพีเอช และออกซิเจนต่ำมาก น้ำมีความขุ่น ตะกอนสูง และยังพบว่ามีเชื้อโรคและปรสิตจำนวนมาก คาดว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตะพาบยักษ์อายุกว่า 50 ปี ติดเชื้อแบตทีเรียและทยอยตายลง ซึ่งทางเทศบาลเมืองตากได้นำรถบรรทุกน้ำมาฉีดพ่นน้ำ และนำเครื่องสูบน้ำแรงดันต่ำมาทำการเติมน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณออกซิเจน ขณะที่พระ เณร และชาวบ้านช่วยกันบริจาคเงินคนละ 10-20 บาท เพื่อซื้อปูนขาวและเกลือเม็ดนำโรยในน้ำ กำจัดเชื้อโรคและปรสิต ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ พร้อมทั้งลอกวัชพืชทิ้ง

นายล้วน มาอ่อน อายุ 65 ปี ชาวบ้านที่มาช่วยกล่าวว่า เห็นตะพาบในสระนี้ตั้งแต่เป็นเด็ก พอทราบข่าวก็ไม่สบายใจ จึงตั้งใจมาช่วยโรยปูนขาวและเกลืออย่างละ 40 กิโลกรัม คาดว่ายังไม่พอ คงต้องรวบรวมเงินกันอีกครั้งเพื่อซื้อมาเพิ่มเติม ส่วนกรณีที่จะให้ล้างบ่อหรือพักบ่อตามหลักวิชาการ ลำพังชาวบ้านและพระเณรคงทำไม่ได้เพราะไม่มีความรู้ อีกทั้งสระน้ำเป็นที่ตั้งของหอไตรโบราณ ที่กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนไว้ จึงเกรงว่าจะทำผิดกฎหมาย ซึ่งในระยะยาวอยากจะมีเครื่องสูบน้ำแรงดันต่ำไว้คอยสูบน้ำจากหนองมณีบรรพต ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 30 เมตร ใช้เงินประมาณ 2 หมื่นบาท วางระบบท่อข้ามถนน นำน้ำสะอาดเข้ามาเติมในบ่อ เพื่อรักษาระดับน้ำและชีวิตสัตว์ทั้งหมดให้อยู่รอด

ด้านนายเอกพจน์กล่าวว่า หลังปรับปรุงคุณภาพน้ำ โรยปูนขาวและเกลือเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จะช่วยทำให้ตะพาบและสัตว์ที่ป่วยอยู่มีอาการดีขึ้น โดยจะเฝ้าดูอาการอีกสักระยะ หากพบว่ายังมีตะพาบแสดงอาการป่วยเพิ่มขึ้นจะต้องนำตะพาบขึ้นมาทำการรักษาต่อไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบซากตะพาบที่ทางวัดแช่เย็นเก็บรักษาไว้ พบว่ามีขนาดกระดอง ยาว 77 เซนติเมตร กว้าง 55 เซนติเมตร หากนับความยาวจากหัวถึงหางสุดปลายกระดองจะยาวถึง 103 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 45 กิโลกรัม อายุประมาณ 20-30 ปี ซึ่งตัวนี้ยังมีขนาดเล็กกว่าตัวที่ทางวัดได้เผาไปก่อนหน้านี้ นับว่าเป็นความสูญเสียสัตว์อนุรักษ์ไปถึง 4 ตัว

“สาเหตุเกิดจากปริมาณน้ำที่แห้งขอด การสะสมตะกอนดินและสารพิษ ทำให้คุณภาพน้ำแย่มาก และยังมีมลพิษจากพื้นที่ข้างเคียง ที่ไหลปนมากับน้ำฝนสะสมมานาน นอกจากนี้เมื่อพื้นที่ในสระน้ำลดลงจึงเกิดความเครียดและทำร้ายกันเองจนเป็นแผลตามลำตัวหลายแห่ง ทำให้ติดเชื้อเข้าสู่ร่างกายและตายลง”