ศูนย์ข่าวขอนแก่น-อีสานโพล เผยผลสำรวจ “ทัศนคติของ SMEs อีสาน ต่อค่าแรง 300 บาท และการปลดประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย” พบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่ยินดียินร้ายกับการเคลื่อนไหวปลดประธาน สอท. ขณะที่ค่าแรง 300 บาทมีผลให้ผู้ประกอบการมีแนวโน้มจะไม่รับคนงานเพิ่มและพร้อมจะปลดคนงานออกเพื่อลดต้นทุน และกลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 35 จะไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า
ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยของแก่น (มข.) เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนคติของ SMEs อีสาน ต่อค่าแรง 300 บาท และการปลดประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 28-29 พฤศจิกายน 2555 จากกลุ่มตัวอย่าง 526 กิจการใน 20 จังหวัดภาคอีสาน ว่าจากผลสำรวจเมื่อถามกลุ่มตัวอย่างว่าท่านรู้สึกอย่างไรที่มีการเคลื่อนไหวปลดประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ส่วนใหญ่ร้อยละ 61.0 เฉยๆ ไม่ยินดียินร้ายกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยมีผู้เห็นด้วยร้อยละ 29.5 ขณะที่มีเพียงร้อยละ 9.5 ที่ไม่เห็นด้วย
เมื่อถามต่อว่า สาเหตุหลักใดจึงมีการเคลื่อนไหวดังกล่าว ส่วนใหญ่ร้อยละ 58.2 เห็นว่ามาจากความไม่พอใจการบริหารงานของประธาน สอท. (โดยเฉพาะเรื่องค่าแรง 300 บาท) ขณะที่ฝ่ายที่คิดว่ามีการเมืองมาแทรกแซง มีร้อยละ 27.8 และอีกร้อยละ 14.1 ไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน
นอกจากนี้ เมื่อถามต่อว่าจากการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 300 บาททั่วประเทศ ในวันที่ 1 ม.ค. 2556 วิธีการใดสำคัญที่สุดที่ท่านจะจัดการกับแรงงานเพื่อความอยู่รอด ส่วนใหญ่ร้อยละ 56.1 ระบุว่าจะไม่เพิ่มจำนวนคนงาน ตามมาด้วยร้อยละ 12.4 ที่จะเตรียมปลดคนงาน ขณะที่ร้อยละ 12.2 จะลดสวัสดิการคนงานลง และอีกร้อยละ 10.8 จะจ้างแรงงานต่างด้าวแทน ที่เหลือร้อยละ 8.6 ให้เหตุผลอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ตอบว่าไม่ได้รับผลกระทบจึงไม่ต้องจัดการอะไร
สุดท้ายทางอีสานโพลได้สอบถามว่า ด้วยผลของนโยบายค่าแรง 300 บาท ท่านจะให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ ส่วนใหญ่ร้อยละ 46.6 ขอดูสถานการณ์ก่อน ตามมาด้วยร้อยละ 35.2 จะไม่สนับสนุน และร้อยละ 15.6 ยังคงสนับสนุนต่อไป ที่เหลืออีกร้อยละ 2.7 ไม่ขอแสดงความคิดเห็น
ดร.สุทินกล่าว่า จากผลการสำรวจข้างต้นทำให้เห็นว่า ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการเคลื่อนไหวปลดประธาน สอท. เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา SMEs อาจไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือประโยชน์จาก สอท.มากนัก จึงมีความรู้สึกเฉยๆ ต่อการเคลื่อนไหวในครั้งนี้ โดยส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นเพราะการทำงานที่ไม่เข้าตาสมาชิกเอง โดยเฉพาะการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบการจากนโยบายค่าแรง 300 บาท
สำหรับนโยบายดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบส่วนใหญ่ต้องมีการงดจ้างงานเพิ่ม และหันไปเน้นประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น ซึ่งมองในอีกมุมก็จะเป็นผลดีต่อการกระตุ้นผู้ประกอบการให้พัฒนาองค์กรเพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ AEC
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการบางรายก็เลือกที่จะปลดคนงานออก ซึ่งภาครัฐจะต้องเฝ้าระวังในจุดนี้ โดยเฉพาะหาก SMEs ได้รับผลกระทบมากจากค่าแรงที่สูง การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยก็จะเสียคะแนนนิยมจากผู้ประกอบการเหล่านี้