ศูนย์ข่าวศรีราชา - นายกสมาคมมันฯ แนะรัฐวางระบบบริหารจัดการตลาดมันสำปะหลังให้ดี เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออก และสนับสนุนราคาขายในตลาดโลก หวั่นหากจัดการไม่เป็นระบบ หรือเปิดรับจำนำมันสำปะหลังแบบไม่รอบคอบ อาจก่อให้เกิดปัญหาเช่นการรับจำนำข้าว เผยอนาคตตลาดมันสำปะหลังไทยยังสดใส แต่ต้องป้องกันปัญหาผลผลิตล้นตลาด โดยรัฐต้องหาทางช่วยเหลือผู้ประกอบการหลังกำหนดมาตรการค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศในปีหน้า
นายนิยม จุฬาเสรีกุล นายกสมาคมโรงงานผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทย เผยถึงสถานการณ์มันสำปะหลังของไทยในปี 2555 ว่า เป็นไปด้วยดี เพราะความต้องการของตลาด และปริมาณผลผลิตที่มีเฉลี่ย 27.5 ล้านตัน ถือเป็นตัวเลขที่สมดุลกัน แต่สิ่งที่เป็นห่วงคือ ระบบการบริหารจัดการของภาครัฐ โดยเฉพาะการเปิดรับจำนำมันสำปะหลังในฤดูกาลหน้าที่หากเปิดรับจำนำในช่วงที่ผลผลิตเพียงพอต่อตลาดจะส่งผลกระทบต่อราคา แต่หากเปิดรับจำนำในช่วงที่ผลผลิตออกมาพร้อมกัน คือระหว่างเดือนธันวาคม-เมษายน จะช่วยให้เกษตรกร และผู้ประกอบการได้รับผลกระทบด้านราคาน้อยมาก
“ตัวเลขราคารับซื้อในตลาดโลกถือว่าดี เพราะราคาที่เกษตรกรได้รับต่อการขายหัวมันสดเฉลี่ยต่อตันอยู่ที่ 2,500-2,800 บาทต่อตัน แต่หากมีการเปิดรับจำนำราคารับซื้อเฉลี่ยของภาครัฐต่อตันจะอยู่ที่ประมาณ 1.8-2.1 พันบาท เพราะการรับซื้อในปริมาณมากย่อมกระทบต่อราคา ซึ่งหากถึงช่วงนั้นอาจเกิดเหตุการณ์ปิดถนนของเกษตรกรได้ ดังนั้น หากรัฐจะเปิดให้มีการรับจำนำมันสำปะหลังเหมือนอย่างการเปิดรับจำนำข้าวจะต้องดูช่วงเวลาที่เหมาะสม และวางระบบการจัดการที่ดี เพื่อไม่เปิดทางให้เกิดการทุจริต ที่สำคัญจะต้องไม่กำหนดราคาที่สูงเกินกว่าราคาตลาด ทั้งนี้ การเปิดรับจำนำถือเป็นเรื่องดีที่จะสามารถช่วยเกษตรกรได้ หากบริหารจัดการได้ถูกกับช่วงเวลา”
โดยนายนิยม เผยเพิ่มเติมถึงทิศทางการส่งออกมันสำปะหลังของไทยในปี 2556 ว่าจะยังคงมีทิศทางที่สดใส และแนวโน้มผลผลิตในปีหน้าจะมีเฉลี่ยที่ 27.5-28 ล้านตัน แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องวางแผนบริหารจัดการให้ดีคือ การกำหนดให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เพื่อลดปัญหาผลผลิตล้น โดยจะต้องวางมาตรการให้เกษตรกรชะลอการเก็บเกี่ยวหัวมันสดในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายน ซึ่งเป็นช่วงที่หัวมันฯ ออกมาก และเริ่มเก็บเกี่ยวอีกครั้งหลังรัฐ หรือผู้ประกอบการสามารถกระจายผลผลิตที่เก็บเกี่ยวในช่วงฤดูก่อนสู่ตลาดได้หมด
นอกจากนั้น สิ่งที่สมาคมฯ เคยนำเสนอต่อรัฐบาลเพื่อเพิ่มศักยภาพตลาดมันสำปะหลังของไทยก็คือ การสนับสนุนให้ธนาคารของรัฐ โดยเฉพาะ ธ.ก.ส.งดการเร่งรัดหนี้สินกับเกษตรกร และควรเปิดให้มีการพักชำระหนี้ในช่วงผลผลิตยังไม่ออกสู่ตลาด เพื่อลดความเดือดร้อน ที่สำคัญยังต้องให้ความสำคัญเรื่องการประกาศใช้ค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ที่จะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการ และเกษตรกรโดยตรง ซึ่งรัฐบาลต้องหาแนวทางในการช่วยเหลือผู้ประกอบการไม่ให้แบกรับต้นทุนการดำเนินงานที่สูงจนเกินไป