มหาสารคาม - ชลประทานมหาสารคามพาสื่อมวลชนดูสถานการณ์น้ำต้นทุนที่เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เพื่อเร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเข้าใจในการใช้น้ำ พร้อมวิงวอนงดปลูกข้าวนาปรัง
นายทองสา อุทัยประดิษฐ์ นายช่างชลประทานโครงการชลประทานจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งได้ขยายวงกว้าง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำ เนื่องจากสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน น้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ไม่สามารถที่จะปล่อยน้ำลงสู่แม่น้ำชีได้ เนื่องจากน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณน้ำใช้การเพียง 468 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 43 ซึ่งน้ำจำนวนนี้จะใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก
นอกจากนี้ ยังใช้เพื่อรักษาระบบนิเวศของแม่น้ำ ใช้เพื่อการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยเท่านั้น ไม่สามารถส่งน้ำให้เกษตรกรทำนาปรังได้ สำหรับที่เขื่อนลำปาวพบว่ามีความแห้งแล้งที่สุดในรอบ 45 ปี ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างเขื่อน
โดยปัจจุบัน มีน้ำเพียง 338 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 17 เท่านั้น ปริมาณน้ำดังกล่าวสามารถใช้งานได้เพียง 238 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อรักษาระบบนิเวศ โดยจะงดส่งน้ำให้เกษตรกรทำนาปรัง ซึ่งจะต้องมีน้ำส่วนหนึ่งที่จะต้องระบายออกเพื่อรักษาระบบนิเวศ
ซึ่งทางชลประทานจะได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเข้าใจถึงสถานการณ์ความแห้งแล้ง และการขาดแคลนน้ำดังกล่าว เพื่อที่จะได้งดปลูกข้าวนาปรัง งดเลี้ยงปลากระชัง ควรหันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 17 แห่งของจังหวัดมหาสารคามมีปริมาณเหลือเพียงร้อยละ 45 ส่วนระดับน้ำในลำน้ำชีอยู่ในระดับที่น้อย และยังคงลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระดับน้ำเฉลี่ยลดลงวันละ 2 เซนติเมตร
นายทองสา อุทัยประดิษฐ์ นายช่างชลประทานโครงการชลประทานจังหวัดมหาสารคาม เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งได้ขยายวงกว้าง ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำ เนื่องจากสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน น้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ไม่สามารถที่จะปล่อยน้ำลงสู่แม่น้ำชีได้ เนื่องจากน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์มีปริมาณน้ำใช้การเพียง 468 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 43 ซึ่งน้ำจำนวนนี้จะใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคเป็นหลัก
นอกจากนี้ ยังใช้เพื่อรักษาระบบนิเวศของแม่น้ำ ใช้เพื่อการปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยเท่านั้น ไม่สามารถส่งน้ำให้เกษตรกรทำนาปรังได้ สำหรับที่เขื่อนลำปาวพบว่ามีความแห้งแล้งที่สุดในรอบ 45 ปี ตั้งแต่เริ่มก่อสร้างเขื่อน
โดยปัจจุบัน มีน้ำเพียง 338 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 17 เท่านั้น ปริมาณน้ำดังกล่าวสามารถใช้งานได้เพียง 238 ล้านลูกบาศก์เมตร แบ่งใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค เพื่อรักษาระบบนิเวศ โดยจะงดส่งน้ำให้เกษตรกรทำนาปรัง ซึ่งจะต้องมีน้ำส่วนหนึ่งที่จะต้องระบายออกเพื่อรักษาระบบนิเวศ
ซึ่งทางชลประทานจะได้เร่งประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเข้าใจถึงสถานการณ์ความแห้งแล้ง และการขาดแคลนน้ำดังกล่าว เพื่อที่จะได้งดปลูกข้าวนาปรัง งดเลี้ยงปลากระชัง ควรหันมาปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำทั้ง 17 แห่งของจังหวัดมหาสารคามมีปริมาณเหลือเพียงร้อยละ 45 ส่วนระดับน้ำในลำน้ำชีอยู่ในระดับที่น้อย และยังคงลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งระดับน้ำเฉลี่ยลดลงวันละ 2 เซนติเมตร
