นายสุวิทย์ สุบงกช รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ภัยแล้งที่ จ.กาฬสินธุ์ ว่า ขณะนี้พื้นที่นาข้าวได้รับความเสียหายจากภัยแล้งแล้วกว่า 30,000 ไร่ และพืชไร่อีกกว่า 3,000 ไร่ จึงได้แจ้งเตือนเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานงดปลูกข้าวนาปรัง และการทำนากุ้ง เนื่องจากขณะนี้กำลังประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก โดยเฉพาะเขื่อนลำปาว ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำหลักในพื้นที่ มีปริมาณน้ำเพียง 600 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุ 1,900 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ทางจังหวัดต้องเร่งทำฝายทดน้ำเพื่อกักเก็บน้ำให้ได้มากที่สุด ประกอบกับสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการทำฝนเทียม จึงต้องเร่งปรับปรุงและขุดบ่อบาดาลเพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคให้เพียงพอใช้ในช่วง 6 เดือน ที่คาดว่าจะประสบภาวะภัยแล้ง
อย่างไรก็ตาม หากปัญหาภัยแล้งยังทวีความรุนแรงมากขึ้น ทางจังหวัดอาจส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการทำนาข้าว มาปลูกพืชทนแล้งชนิดอื่น เช่น มันสำปะหลัง อ้อย และยางพารา เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนเพาะปลูก
อย่างไรก็ตาม หากปัญหาภัยแล้งยังทวีความรุนแรงมากขึ้น ทางจังหวัดอาจส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนการทำนาข้าว มาปลูกพืชทนแล้งชนิดอื่น เช่น มันสำปะหลัง อ้อย และยางพารา เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนเพาะปลูก