ลำปาง - ศาลจังหวัดลำปาง ไกล่เกลี่ยคดีอดีตหัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปางถูกสื่อลงข่าว-จี้ให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณฯ ได้สำเร็จ ยอมถอนฟ้องสื่อ แลกกับให้ลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริง
รายงานข่าวจากจังหวัดลำปาง แจ้งว่า หลังจากศาลจังหวัดลำปาง ได้มีการนัดพร้อมเพื่อพิจารณา คดีระหว่างนางชุลีวินทน์ สายสิงห์ทอง อดีตหัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปาง กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณา กรณีเสนอข่าว “งบฉาว 5 แสน สื่อลำปางตบเท้าจี้ผู้ว่าฯ ตรวจสอบ” และ “สนง.จังหวัด 5 แสน ยังไม่พอเตรียมถลุงอีก 2 ล้าน” เมื่อเร็วๆ นี้
นางชุลีวันทน์ ได้แถลงเพิ่มเติมว่า จากการเสนอข่าวดังกล่าว ทำให้ตนได้รับความเสียหาย จากชื่อเสียง เกียรติยศต้องถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ และผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งตลอดระยะเวลารับราชการมา 36 ปี ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยคดโกง ปฏิบัติงานด้วยความตรงไปตรงมา มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเป็นที่รักใคร่ของผู้บังคับบัญชา ไม่เคยมีประวัติในทางหน้าที่การงานที่เสียหาย ต้องมาถูกดูหมิ่น เกลียดชัง และเกิดความเข้าใจที่ผิดๆ ถูกกล่าวหาว่าเป็นข้าราชการทุจริต โกงกิน ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดผลกระทบต่อการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งในช่วงเดือนธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาเกิดความเข้าใจผิดพลาด ไม่ตรงกับความจริง ทำให้พลาดโอกาสที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เสียโอกาสที่ผู้ร้องควรจะได้รับจากหน้าที่การงาน
นางชุลีวันทน์ ได้แถลงต่อศาลว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ใช้เงินเหลือจ่ายซึ่งเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติโครงการแล้ว และสำนักงานจังหวัดได้ขออนุมัติดำเนินการแล้ว ก็จะต้องทำ หากไม่ทำก็จะมีความผิด เหตุที่ต้องทำปลายปีงบประมาณก็เนื่องจากเป็นเงินเหลือจ่ายที่ได้รวบรวมเงินเหลือจากโครงการต่างๆ ในปลายปีงบประมาณมาดำเนินโครงการใหม่
สำหรับโครงการนี้ เป็นโครงการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติ เมื่อวันมี่ 25 สิงหาคม 2554 เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะต้องเร่งดำเนินงาน เพราะใกล้สิ้นปีงบประมาณ
โดยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้เสนอหนังสือเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 เพื่อแจ้งเชิญชวนส่วนราชการทุกส่วนที่เป็นส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งภาคประชาชน และผู้สื่อข่าว นักจัดรายการต่างๆ จำนวน 200 คน ร่วมอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ และศึกษาดูงานสำนักงาน หนังสือพิมพ์ส่วนกลาง สถานีโทรทัศน์
โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างเครือข่ายการประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนรู้จักกัน จะทำให้งานประชาสัมพันธ์ของจังหวัดดำเนินการได้ง่ายขึ้น โดยสำนักงานจังหวัดดำเนินการเอง ไม่ได้จ้างบริษัทออแกไนซ์อย่างใด การซื้อ การจ้างเป็นไปตามระเบียบทุกประการ โปร่งใส ตรวจสอบได้ สำหรับการเปลี่ยนแปลงโครงการก็เป็นเพียงเปลี่ยนแปลงสถานที่ศึกษาดูงาน จากสถานีโทรทัศน์สี ช่อง 5 และ TNN เป็นสถานีโทรทัศน์สี ช่อง 7 และสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเท่านั้น กิจกรรมอื่นๆ เป็นไปตามวัตถุประสงค์โครงการทุกประการ
อย่างไรก็ตาม ในการนี้ศาลได้ไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายว่า การที่จำเลยซึ่งหมายถึงหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงข่าวดังกล่าว รวมถึงสื่อมวลชนทั้งหมดที่ได้ยื่นเรื่องให้หน่วยงานอื่นตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในโครงการดังกล่าวนั้น ก็ถือว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ในฐานะสื่อมวลชนที่จะต้องคอยดูแลผลประโยชน์ของส่วนรวม และสาธารณะ แต่ไม่ควรนำเรื่องส่วนตัวเข้าไปปะปนด้วย และการที่จำเลยนำเสนอข่าวก่อนที่หน่วยงานที่กำลังดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวยังไม่สรุปผล จึงทำให้โจทก์เสียหาย แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ และศาลเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายยังต้องทำงานในสังคมร่วมกัน ดังนั้น จึงให้โจทก์ และจำเลยไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง
โจทก์ได้ยินยอมที่จะถอนฟ้อง และยุติการดำเนินคดีทั้งหมดกับหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวดังกล่าว โดยแลกกับการที่ให้จำเลยนำเสนอข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงของโจทก์ผ่านทางสื่อดังกล่าว
ทั้งนี้ การนำเสนอข่าวดังกล่าว ได้ระบุว่า “งบฉาว 5 แสน สื่อลำปางตบเท้าจี้ผู้ว่าฯ ตรวจสอบ” และ “สนง.จังหวัด 5 แสน ยังไม่พอเตรียมถลุงอีก 2 ล้าน” โดยผู้สื่อข่าวลำปางทั้งสังกัดสื่อในท้องถิ่น และส่วนกลาง กว่า 30 คน ได้เข้าพบนายสุวรรณ กล่าวสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบโครงการอบรมนักประชาสัมพันธ์โครงการมหัศจรรย์งาน วัฒนธรรมรำลึกประวัติศาสตร์นครลำปาง ที่ส่อไปในทางไม่โปร่งใส…ฯลฯ....
รายงานข่าวจากจังหวัดลำปาง แจ้งว่า หลังจากศาลจังหวัดลำปาง ได้มีการนัดพร้อมเพื่อพิจารณา คดีระหว่างนางชุลีวินทน์ สายสิงห์ทอง อดีตหัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปาง กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นฉบับหนึ่งที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาท ด้วยการโฆษณา กรณีเสนอข่าว “งบฉาว 5 แสน สื่อลำปางตบเท้าจี้ผู้ว่าฯ ตรวจสอบ” และ “สนง.จังหวัด 5 แสน ยังไม่พอเตรียมถลุงอีก 2 ล้าน” เมื่อเร็วๆ นี้
นางชุลีวันทน์ ได้แถลงเพิ่มเติมว่า จากการเสนอข่าวดังกล่าว ทำให้ตนได้รับความเสียหาย จากชื่อเสียง เกียรติยศต้องถูกดูหมิ่นเกลียดชังจากผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน หัวหน้าส่วนราชการต่างๆ และผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งตลอดระยะเวลารับราชการมา 36 ปี ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ไม่เคยคดโกง ปฏิบัติงานด้วยความตรงไปตรงมา มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีเป็นที่รักใคร่ของผู้บังคับบัญชา ไม่เคยมีประวัติในทางหน้าที่การงานที่เสียหาย ต้องมาถูกดูหมิ่น เกลียดชัง และเกิดความเข้าใจที่ผิดๆ ถูกกล่าวหาว่าเป็นข้าราชการทุจริต โกงกิน ทำให้ผู้ร้องได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดผลกระทบต่อการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งในช่วงเดือนธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาเกิดความเข้าใจผิดพลาด ไม่ตรงกับความจริง ทำให้พลาดโอกาสที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง เสียโอกาสที่ผู้ร้องควรจะได้รับจากหน้าที่การงาน
นางชุลีวันทน์ ได้แถลงต่อศาลว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ใช้เงินเหลือจ่ายซึ่งเมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติโครงการแล้ว และสำนักงานจังหวัดได้ขออนุมัติดำเนินการแล้ว ก็จะต้องทำ หากไม่ทำก็จะมีความผิด เหตุที่ต้องทำปลายปีงบประมาณก็เนื่องจากเป็นเงินเหลือจ่ายที่ได้รวบรวมเงินเหลือจากโครงการต่างๆ ในปลายปีงบประมาณมาดำเนินโครงการใหม่
สำหรับโครงการนี้ เป็นโครงการที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอนุมัติ เมื่อวันมี่ 25 สิงหาคม 2554 เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบจะต้องเร่งดำเนินงาน เพราะใกล้สิ้นปีงบประมาณ
โดยเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบได้เสนอหนังสือเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 เพื่อแจ้งเชิญชวนส่วนราชการทุกส่วนที่เป็นส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมทั้งภาคประชาชน และผู้สื่อข่าว นักจัดรายการต่างๆ จำนวน 200 คน ร่วมอบรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ และศึกษาดูงานสำนักงาน หนังสือพิมพ์ส่วนกลาง สถานีโทรทัศน์
โดยมีวัตถุประสงค์ในการสร้างเครือข่ายการประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนรู้จักกัน จะทำให้งานประชาสัมพันธ์ของจังหวัดดำเนินการได้ง่ายขึ้น โดยสำนักงานจังหวัดดำเนินการเอง ไม่ได้จ้างบริษัทออแกไนซ์อย่างใด การซื้อ การจ้างเป็นไปตามระเบียบทุกประการ โปร่งใส ตรวจสอบได้ สำหรับการเปลี่ยนแปลงโครงการก็เป็นเพียงเปลี่ยนแปลงสถานที่ศึกษาดูงาน จากสถานีโทรทัศน์สี ช่อง 5 และ TNN เป็นสถานีโทรทัศน์สี ช่อง 7 และสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐเท่านั้น กิจกรรมอื่นๆ เป็นไปตามวัตถุประสงค์โครงการทุกประการ
อย่างไรก็ตาม ในการนี้ศาลได้ไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายว่า การที่จำเลยซึ่งหมายถึงหนังสือพิมพ์ฉบับที่ลงข่าวดังกล่าว รวมถึงสื่อมวลชนทั้งหมดที่ได้ยื่นเรื่องให้หน่วยงานอื่นตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในโครงการดังกล่าวนั้น ก็ถือว่าเป็นสิทธิที่ทำได้ในฐานะสื่อมวลชนที่จะต้องคอยดูแลผลประโยชน์ของส่วนรวม และสาธารณะ แต่ไม่ควรนำเรื่องส่วนตัวเข้าไปปะปนด้วย และการที่จำเลยนำเสนอข่าวก่อนที่หน่วยงานที่กำลังดำเนินการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวยังไม่สรุปผล จึงทำให้โจทก์เสียหาย แต่เนื่องจากคดีดังกล่าวสามารถไกล่เกลี่ยกันได้ และศาลเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายยังต้องทำงานในสังคมร่วมกัน ดังนั้น จึงให้โจทก์ และจำเลยไกล่เกลี่ยกันอีกครั้ง
โจทก์ได้ยินยอมที่จะถอนฟ้อง และยุติการดำเนินคดีทั้งหมดกับหนังสือพิมพ์ที่ลงข่าวดังกล่าว โดยแลกกับการที่ให้จำเลยนำเสนอข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงของโจทก์ผ่านทางสื่อดังกล่าว
ทั้งนี้ การนำเสนอข่าวดังกล่าว ได้ระบุว่า “งบฉาว 5 แสน สื่อลำปางตบเท้าจี้ผู้ว่าฯ ตรวจสอบ” และ “สนง.จังหวัด 5 แสน ยังไม่พอเตรียมถลุงอีก 2 ล้าน” โดยผู้สื่อข่าวลำปางทั้งสังกัดสื่อในท้องถิ่น และส่วนกลาง กว่า 30 คน ได้เข้าพบนายสุวรรณ กล่าวสุนทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบโครงการอบรมนักประชาสัมพันธ์โครงการมหัศจรรย์งาน วัฒนธรรมรำลึกประวัติศาสตร์นครลำปาง ที่ส่อไปในทางไม่โปร่งใส…ฯลฯ....
