“สุวัจน์” เชื่อ “ม็อบเสธ.อ้าย” ไม่รุนแรงบานปลาย วอนทุกฝ่าย- แก๊งแดง อยู่ในกรอบ

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “สุวัจน์” แกนนำ ชพน.วางศิลาฤกษ์หอประชุมนานาชาติ ม.ราชภัฎโคราช 240 ล้าน เชื่อ “ม็อบเสธ.อ้าย” ไม่รุนแรงบานปลาย วอนทุกฝ่ายและ“แก๊งแดง” อยู่ในกรอบกติกาไม่จัดม็อบชนม็อบ หวั่นกระทบความเชื่อมั่นของประเทศ ชี้รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัย ส่วน“โอมาบา”เดินทางเยือนไทยเป็นเรื่องดี สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ชาวโลกเห็น และทำให้ไทยได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้น เผย “ฟีฟ่า” ชมไทยจัดแข่งฟุตซอลโลกได้ดีที่สุด

วันนี้ (16 พ.ย.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและแกนนำพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างหอประชุมนานาชาติของมหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา มูลค่า 240 ล้านบาท ถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้าน ว่า

การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องปกติ ฝ่ายค้านคงต้องเตรียมข้อมูลมาอภิปราย ซึ่งเป็นการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลเพราะครบ 1 ปี เมื่อถามมาก็ต้องตอบไป คงว่ากันด้วยเหตุด้วยผลด้วยข้อเท็จจริง ฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบ รัฐบาลก็มีหน้าที่ชี้แจงคิดว่าไม่ได้มีอะไรที่น่าตกใจ เป็นระบบของการตรวจสอบที่อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องปกติเป็นเรื่องที่ดีเวลาที่มีอะไรไม่สบายใจกัน ข้องใจกันหรืออยากซักถามก็ใช้สภาเป็นเวทีดีกว่าไปถามกันข้างนอก

ต่อข้อถามเรื่องการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ที่ พล.อ. บุญเลิศ แห้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย เป็นประธานฯ ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ น่าเป็นห่วงและเหตุการณ์จะบานปลายหรือไม่ เพราะถึงขั้นรัฐสภามีการสร้างบันไดเตรียมหนีม็อบไว้ นั้น นายสุวัจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของการเตรียมความพร้อมจากประสบการณ์ในอดีต ประชาธิปไตยก็เป็นแบบนี้ คิดว่าทุกคนได้เห็นความไม่เรียบร้อยในอดีตมาแล้วว่า มันกระทบอะไรต่อส่วนรวมบ้าง ฉะนั้นถ้าทุกฝ่ายจะช่วยกันประคับประคอง การแสดงความคิดเห็นให้อยู่ในกรอบและไม่กระทบต่อความรู้สึกที่จะทำให้เกิดความวิตกกังวลกันมาก ทุกคนอยู่ในกติกา ผู้ชุมนุมก็อยู่ในกติกา รัฐบาลก็มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยไม่น่าจะมีอะไรน่าห่วงหรือบานปลาย

ส่วนกระแสข่าวที่ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะจับม็อบมาชนกันจะนำไปสู่ความรุนแรงหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องช่วยกันอยู่ในกรอบของแต่ละฝ่าย อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อสองปีที่ผ่านมา เราต้องระวังเพราะเหตุการณ์วันนั้นกระทบต่อเรื่องเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่น และตอนนี้ความเชื่อมั่นเราเริ่มดีขึ้นมากๆ ฉะนั้นการชุมนุมอะไรต่างๆในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องปกติ ต่างประเทศก็เข้าใจ ทุกประเทศก็มีการชุมนุมอย่างนี้เพียงแต่ว่าขอให้อยู่ในกรอบ แต่รัฐบาลก็มีหน้าที่ที่ต้องดูแลให้เกิดความเรียบร้อยของการชุมนุม

นายสุวัจน์ กล่าวต่อว่า สำหรับการเดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในเร็วๆ นี้นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะ นายบารัค โอบามา โอมาบา เพิ่งได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 และยังเป็นผู้นำประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลก ฉะนั้นการที่เดินทางมาเยือนประเทศไทยถือว่าเป็นเกียรติกับประเทศไทยและเป็นการแสดงออกถึงความเชื่อมั่นที่ผู้นำระดับโลกได้มีต่อประเทศ มีต่อรัฐบาลไทย อันนี้จะเป็นการสร้างภาพลักษณ์ทางด้านความเชื่อมั่นของความเป็นสากลที่จะเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจการลงทุนเป็นอย่างดียิ่ง

ทั้งนี้การที่รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายต่างประเทศอย่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเดินทางไปหลายๆ ประเทศ เพื่อสร้างความสัมพันธ์หรือกระชับเรื่องการลงทุน นั้นสิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องที่ดี เพราะต่อไปการค้าขาย เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและตอนนี้เราต้องการที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนมาประเทศไทย และมาท่องเที่ยว โดยธุรกิจการค้าต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น

ฉะนั้นผลการเยือนของประธานาธิบดีโอมาบาจะสะท้อนออกถึงว่า ทั่วโลกมีความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ผู้นำระดับประธานาธิบดีโอมาบาได้ให้เกียรติกับประเทศไทย และเชื่อว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคงเตรียมการในเรื่องที่จะหารือกับโอบามาไว้แล้วและคิดว่าการพูดคุยจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศในทุกๆ ด้าน

“ภาพลักษณ์ของประเทศไทยดีมากในช่วงนี้ ขณะนี้เราเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันชิงแชมป์ฟุตซอลโลก ถ่ายทอดทีวีไปทั่วโลกทุกวัน 200 กว่าประเทศได้เห็นประเทศไทยและทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟ่าบอกว่าตั้งแต่มีการจัดการแข่งขันฯ มา 6 ครั้ง ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพได้ดีที่สุด และที่สำคัญเขาชมเชยการมีส่วนร่วมของประชาชนในแต่ละนัดของการแข่งขัน และคุณภาพของการบริหารการจัดการแข่งขัน แต่ที่ดีใจคือคุณภาพของนักกีฬาเรา เพราะเป็นครั้งแรกที่เราสามารถผ่านเข้ารอบแรกสู่รอบที่สองได้ ฉะนั้นตอนนี้คิดว่าภาพลักษณ์ของประเทศไทย สากลยอมรับขึ้นมาก ซึ่งจะดีต่อการทำงานของรัฐบาล ต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างๆ ด้วย” นายสุวัจน์ กล่าว