สุรินทร์ - ชาวเขมรนับพันคนทะลักข้ามแดน “ด่านช่องจอม” อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เข้ามารับจ้างเกี่ยวข้าว ชาวนาไทยทุกวัน รายได้ดีวันละ 160 บาท พร้อมเลี้ยงอาหารเช้า-เที่ยง เผยบรรดานายจ้างมารอรับและนำมาส่งกลับประเทศกัมพูชา ถึงหน้าด่านทุกวัน
วันนี้ (16 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ด่านผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องจอม-โอร์เสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ชาวกัมพูชา จากหมู่บ้านต่างๆ ในพื้นที่ อ.กรุงสำโรง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา จำนวนมากนับพันคนพากันทะลักข้ามแดนเข้ามายังฝั่งประเทศไทย โดยใช้หนังสือผ่านแดนชั่วคราว หรือบอเดอร์พาส เพื่อเดินทางไปรับจ้างเกี่ยวข้าวในพื้นที่ จ.สุรินทร์
โดยมีกลุ่มนายจ้างชาวไทยเดินทางมารอรับเพื่อไปเกี่ยวข้าวทั้งในเขตพื้นที่ อ.กาบเชิง และ อำเภอใกล้เคียงภายใน จ.สุรินทร์ ได้ค่าแรงรับจ้างเกี่ยวข้าววันละ 160 บาท พร้อมอาหารเช้าและอาหารเที่ยง ซึ่งบรรดานายจ้างดังกล่าวจะเดินทางมารับแรงงานชาวกัมพูชาเหล่านี้ที่บริเวณด่านผ่านแดนช่องจอมทุกวัน ในช่วงเช้าเวลาด่านเปิดทำการ 07.00 น. ก่อนนำกลับมาส่งในช่วงเย็น เพื่อเดินทาง ข้ามแดนไปยังฝั่งประเทศกัมพูชา ก่อนด่านปิดทำการในเวลา 20.00 น.
ทั้งนี้ เกษตรกรชาวนาสุรินทร์ส่วนใหญ่นิยมเลือกจ้างแรงงานชาวกัมพูชาเกี่ยวข้าว เนื่องจากค่าจ้างถูก ผลผลิตข้าวเสียหายน้อยไม่ตกหล่นและไม่มีสิ่งปลอมปนเหมือนจ้างรถจักรเกี่ยว ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากว่า เพราะการใช้รถจักรเกี่ยวข้าวไม่สามารถเลือกเกี่ยวเอาเฉพาะข้าวได้ แต่ต้องเกี่ยวหญ้าวัชพืชต่างๆขึ้นมาด้วย ทำให้ข้าวเปลือกมีสิ่งเจือปนสูงและถูกโรงสีกดราคาหักค่าสิ่งปลอมปน ทำให้ขายหรือจำนำได้ราคาต่ำลง อีกทั้งต้นข้าวในจุดมุมอับและอยู่ใกล้ต้นไม้ต่างๆ ในแปลงนา รถเกี่ยวข้าวก็ไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้หมด ชาวนาต้องเดินตามและใช้เคียวเกี่ยวข้าวในส่วนที่เหลือ
อีกทั้งในระยะนี้เป็นช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว ข้าวในนาของเกษตรกรต้องเก็บเกี่ยวพร้อมกันจำนวนมาก ทำให้รถจักรเกี่ยวข้าวที่มาตระเวนรับจ้างไม่เพียงพอต่อความต้องการและต้องรอคิวเป็นเวลานาน เกษตรกร ประกอบแรงงานคนไทยหายากและมีค่าแรงสูง เกษตรกรจึงจ้างแรงงานชาวกัมพูชามากกว่าเพราะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า ถึงแม้จะใช้เวลาในการเก็บเกี่ยวในนานานกว่าการจ้างรถจักรเก็บเกี่ยวก็ตาม