บุรีรัมย์ - ชาวบ้านหนองค่าย ต.บ้านบัว อ.เมืองบุรีรัมย์ แตกตื่นจระเข้ขนาดยาว 1.50 เมตรหิวโซโผล่หาอาหารตามทุ่งนา ก่อนหนีลงสระน้ำ ชาวบ้านหวั่นอันตรายแจ้ง จนท.ประมงช่วยกันจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายใจเพชร สราญบุรุษ ปลัดเทศบาลตำบลบ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งว่ามีชาวบ้านบ้านหนองค่าย หมู่ที่ 10 ต.บ้านบัว พบเห็นจระเข้โผล่กลางทุ่งนาก่อนหนีลงไปอยู่ในสระน้ำของนายสนอง ประวันรัมย์ ที่ขุดไว้กลางทุ่งนาขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 18 เมตร ลึกกว่า 2.50 เมตร จึงให้เจ้าหน้าที่อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ของเทศบาลตำบลบ้านบัวลงไปตรวจสอบ พร้อมประสานไปยังสำนักงานประมงจังหวัดบุรีรัมย์ส่งเจ้าหน้าที่มาจับจระเข้ดังกล่าว เพราะสร้างความหวาดผวาให้แก่ชาวบ้าน
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบชาวบ้านจำนวนหนึ่งกำลังมุงดูอยู่ที่บริเวณสระน้ำกลางทุ่งนาซึ่งมีสภาพน้ำขุ่น แต่ยังไม่พบเห็นจระเข้ในสระน้ำตามที่ชาวบ้านแจ้งแต่อย่างใด เนื่องจากต้องรอเจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดนำอวนมาลาก พบเพียงร่องรอยคล้ายสัตว์เลื้อยคลานเป็นทางยาวจากทุ่งนาไปถึงสระน้ำ
นายวิสาร ประนมรัมย์ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 137 หมู่ที่ 10 บ้านหนองค่าย ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เล่าว่า เมื่อวานนี้ช่วงกลางวันขณะกำลังเกี่ยวข้าวได้เห็นร่องรอยเหมือนสัตว์เลื้อยคลานผ่านทุ่งนาออกมาจากฟาร์มไก่แห่งหนึ่ง จึงตามร่องรอยดังกล่าวไปจนมาสิ้นสุดที่สระน้ำของนายสนอง ห่างจากฟาร์มประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ไม่พบว่าเป็นสัตว์อะไร จนเช้าวันนี้มีคนมาเห็นว่าเป็นจระเข้หลุดออกมาหนีลงสระน้ำดังกล่าว
นายวิสารเล่าต่อว่า คาดว่าจระเข้จะหลุดออกมาจากฟาร์มเลี้ยงช่วงน้ำท่วม เกิดหิวโซช่วงหน้าแล้งไม่มีอาหารกินจึงหากินตามทุ่งนาที่มีน้ำขังอยู่ ก่อนจะตื่นคนแล้วคลานหนีลงสระน้ำ โดยก่อนหน้านี้ชาวบ้านบริเวณดังกล่าวเคยพบเห็นจระเข้หลุดออกมาช่วงน้ำท่วมหลายตัว และมีชาวบ้านจับได้และจับตายด้วย
ต่อมา นายไพรัตน์ ขนันไทย รักษาราชการแทนประมงจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่สถานีประมงน้ำจืด จ.บุรีรัมย์ ได้นำอวนขนาดใหญ่มาลากจับจระเข้ในสระน้ำร่วมกับชาวบ้าน ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงจึงสามารถจับจระเข้ติดอวนลากได้ 1 ตัว เป็นจระเข้น้ำจืด เพศเมีย อายุประมาณ 3 ปี ลำตัวยาวประมาณ 1.50 เมตร ก่อนจะนำไปเลี้ยงที่สถานีเพาะพันธุ์สัตว์น้ำบุรีรัมย์
รักษาราชการแทนประมงจังหวัดบุรีรัมย์กล่าวว่า จระเข้ที่พบนั้นน่าจะหลุดมาช่วงที่น้ำท่วม ซึ่งจะได้ทำการตรวจสอบว่าหลุดมาจากที่ใด เพราะยังไม่มีใครรับว่าเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตาม จะได้เรียกเจ้าของฟาร์มและเจ้าหน้าที่ประมงที่รับผิดชอบเรื่องการเลี้ยงสัตว์สงวนในพื้นที่มากำชับ เพื่อหามาตรการดูแลเรื่องการเลี้ยงจระเข้ให้ดีและปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้ชาวบ้านต่อไป
“การเลี้ยงจระเข้ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ผู้ใดครอบครองจะต้องมาขออนุญาตให้ถูกต้อง หากไม่ขออนุญาตก็มีความผิดตามกฎหมาย มาตรา 19 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” นายไพรัตน์กล่าว