ศูนย์ข่าวศรีราชา - รองโฆษกเมืองพัทยาแจงการดำเนินการแก้ปัญหากล้อง CCTV เมืองพัทยา หลังมีประชาชนร้องเรียนว่าไม่สามารถใช้บริการได้ เมื่อมีเหตุอาชญากรรม และการจราจร
วันนี้ (13 พ.ย.) ที่ห้องประชุม 241 ศาลาว่าการเมืองพัทยา คณะโฆษกเมืองพัทยาได้มีการจัดแถลงภารกิจนายกเมืองพัทยา ครั้งที่ 3 โดยมี น.ส.ยุวธิดา จีระภัทร โฆษกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายอิทธิวัฒน์ วัฒนศาสตร์สาธร รองโฆษกเมืองพัทยา นายบรรจง บัณฑูรประยุกต์ โฆษกเมืองพัทยา และนายดำรงค์เกียรติ พินิจการ รองโฆษกเมืองพัทยา ร่วมแถลงภารกิจแก่สื่อมลชนแขนงต่างๆ ที่เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
การแถลงในครั้งนี้ได้มีการแถลงเกี่ยวกับภารกิจของนายกเมืองพัทยาที่ดำเนินการไปแล้ว รวมถึงกิจกรรมที่กำลังจะมีการจัดขึ้น ทั้งการแข่งขันเรือยาวประเพณี ประจำปี 2555 และโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ รวมถึงการตอบข้อซักถามจากสื่อมวลชนในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับโครงการที่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว เช่น โครงการกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เมืองพัทยา ที่ได้มีการดำเนินการติดตั้งในการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองพัทยา และการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม มาตั้งแต่ปี 2547 แต่ด้วยปัจจุบัน โครงการดังกล่าวไม่สามารถใช้การได้ 100% เนื่องจากกล้องวงจรปิดไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในกาประกอบข้อมูลต่างๆ ที่ประชนร้องข้อได้ ทั้งเรื่องของปัญหาอาชญากรรม และการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นต้น
ด้านนายอิทธิวัฒน์ รองโฆษกเมืองพัทยา ได้ชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการของโครงการกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเมืองพัทยา ว่า ปัจจุบันกล้องวงจรปิด CCTV ทั้งหมด 533 ตัว แบ่งเป็นกล้อง Outdoor 426 ตัว พื้นที่เสี่ยงภัย 337 ตัว กล้องนับปริมาณรถ 89 ตัว และกล้องชนิด Indoor 107 ตัว ซึ่งติดตั้งในอาคารบริการประชาชนและอาคารจอดรถเมืองพัทยา
นอกจากนี้ ยังมีกล้องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งในงบประมาณปี 2555 ในการเพิ่มศักยภาพ และประสิทธิภาพของกล้อง CCTV ในพื้นที่เสี่ยงภายในชุมชมชนทั้ง 37 ชุมชน จำนวน 320 ตัว และการติดตั้งกล้องที่ชุมชนเกาะล้าน 36 ตัว รวมทั้งสิ้น 356 ตัว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2556
สำหรับปัญหา และสาเหตุของกล้องวงจรปิดไม่สามารถใช้งานได้นั้นจำแนกสาเหตุหลักออกเป็น 3 สาเหตุ คือ 1.สาเหตี่เกิดจากสายใยแก้ว หรือสายไฟเบอร์ออปติกเกิดการชำรุด เนื่องจากสายใยแก้วจะมีการพาดกับสายไฟฟ้า และมีสายเคเบิล สายโทรทรัพท์ และสายต่างๆ อีกหลายสายที่รวบกันอยู่จนทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร จนทำให้กล้อง CCTV ไม่สามารถใช้งานได้ สาเหตุที่ 2 เกิดจากการชำรุดการกระชากของไฟฟ้าที่ทำให้อุปกรณ์กล้อง CCTV ไม่สามารถใช้งานได้ และสาเหตุสุดท้ายเกิดจากเสาร์กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งบริเวณชายหาดเกิดการกัดเซาะของน้ำทะเลจนทำให้เสาล้ม เป็นต้น ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ทางเมืองพัทยาได้หาแนวทางในการแก้ไขและจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการในการซ่อมแซม ทั้งเรื่องของเสาที่ล้มได้มีการลงเข็มเจาะเพื่อเสริมความแข็งแรงของรากฐาน ส่วนการดำเนินการแก้ไขของสายใยแก้วชำรุดนั้น เมืองพัทยาได้มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับการซ่อมแซม โครงการปรับปรุง และพัฒนาศักยภาพกล้องวงจรปิดฯ งบประมาณ 22.5 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้มีการแก้ไขในส่วนของการชำรุดของอุปกรณ์กล้องวงจรปิด โดยได้มีการดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ากระชาก ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้จะมีเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมบำรุงอยู่ที่ห้อง CCR ในการดูแลกล้อวงจรปิด หากกล้องมีการชำรุดเสียหาย เจ้าหน้าที่ CCR จะแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุง
นายอิทธิวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถิติกล้องวงจรปิดที่ประชาชนเข้ามาใช้งานนั้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จนถึงเดือนกันยายน 2555 พบว่า ในเดือนก.ค. มีประชาชนมาใช้บริการทั้งสิ้น 29 ราย พบเหตุการณ์ตามที่ได้รับแจ้ง 22 ราย ไม่พบเหตุการณที่แจ้ง 9 ราย เดือน ส.ค.มีประชาชนมาใช้บริการทั้งสิน 24 ราย พบเหตุการณ์ที่แจ้งจำนวน 14 ราย ไม่พบเหตุการณ์ที่แจ้ง 8 ราย ส่วนเดือน ก.ย. มีประชาชนมาใช้บริการทั้งสิน 25 ราย พบเหตุการณ์ที่แจ้ง 12 ราย ไม่พบเหตุการณ์การที่แจ้ง 13 ราย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ไม่อยู่ในรัศมีของมุมกล้อง กล้องชำรุดไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้ตามปกติ ผู้เสียหายไม่ทราบจุดเกิดเหตุ และเวลาที่แน่นอน และผู้เสียหายไม่ทราบรูปพรรณสัณฐานคนร้ายที่แน่ชัด จึงเป็นสาเหตุที่ไม่พบเหตุการณ์ตามที่ประชาชนแจ้งเข้ามา ส่วนเหตุการณ์ที่ประชาชนเข้ามาใช้บริการกล้องวงจรปิดส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน ของหาย และปัญหาอาชญากรรม เป็นต้น
มีรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการมาหลายปี โดยในระยะเริ่มแรกมีการตั้งแผนงานที่จะทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 ในการจัดกำลังมาตรวจสอบการจราจร และการป้องกันเหตุผ่านระบบดังกล่าว แต่ก็ไม่มีการดำเนินการ ที่สำคั ญสเปกของกล้องที่ใช้ และการบำรุงรักษากลับไม่มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่อย่างเพียงพอ โดยจะมีกำลังเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงเพียง 4-5 นายเท่านั้น ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานไม่สมประโยชน์ แต่กลับมีแผนในการติดตั้งเพิ่มเติม
ขณะที่บางจุดเมื่อติดตั้งไปแล้วก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เวลาเกิดปัญหาอุบัติเหตุ หรืออาชญากรรมส่วนใหญ่ไม่สามารถนำภาพจากระบบดังกล่าวมาใช้ในการประกอบการแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากกล้องส่วนใหญ่ชำรุด
วันนี้ (13 พ.ย.) ที่ห้องประชุม 241 ศาลาว่าการเมืองพัทยา คณะโฆษกเมืองพัทยาได้มีการจัดแถลงภารกิจนายกเมืองพัทยา ครั้งที่ 3 โดยมี น.ส.ยุวธิดา จีระภัทร โฆษกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายอิทธิวัฒน์ วัฒนศาสตร์สาธร รองโฆษกเมืองพัทยา นายบรรจง บัณฑูรประยุกต์ โฆษกเมืองพัทยา และนายดำรงค์เกียรติ พินิจการ รองโฆษกเมืองพัทยา ร่วมแถลงภารกิจแก่สื่อมลชนแขนงต่างๆ ที่เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
การแถลงในครั้งนี้ได้มีการแถลงเกี่ยวกับภารกิจของนายกเมืองพัทยาที่ดำเนินการไปแล้ว รวมถึงกิจกรรมที่กำลังจะมีการจัดขึ้น ทั้งการแข่งขันเรือยาวประเพณี ประจำปี 2555 และโครงการอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติ รวมถึงการตอบข้อซักถามจากสื่อมวลชนในประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับโครงการที่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว เช่น โครงการกล้องโทรทัศน์วงจรปิด เมืองพัทยา ที่ได้มีการดำเนินการติดตั้งในการแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในเมืองพัทยา และการแก้ไขปัญหาอาชญากรรม มาตั้งแต่ปี 2547 แต่ด้วยปัจจุบัน โครงการดังกล่าวไม่สามารถใช้การได้ 100% เนื่องจากกล้องวงจรปิดไม่สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในกาประกอบข้อมูลต่างๆ ที่ประชนร้องข้อได้ ทั้งเรื่องของปัญหาอาชญากรรม และการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เป็นต้น
ด้านนายอิทธิวัฒน์ รองโฆษกเมืองพัทยา ได้ชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการของโครงการกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเมืองพัทยา ว่า ปัจจุบันกล้องวงจรปิด CCTV ทั้งหมด 533 ตัว แบ่งเป็นกล้อง Outdoor 426 ตัว พื้นที่เสี่ยงภัย 337 ตัว กล้องนับปริมาณรถ 89 ตัว และกล้องชนิด Indoor 107 ตัว ซึ่งติดตั้งในอาคารบริการประชาชนและอาคารจอดรถเมืองพัทยา
นอกจากนี้ ยังมีกล้องที่อยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งในงบประมาณปี 2555 ในการเพิ่มศักยภาพ และประสิทธิภาพของกล้อง CCTV ในพื้นที่เสี่ยงภายในชุมชมชนทั้ง 37 ชุมชน จำนวน 320 ตัว และการติดตั้งกล้องที่ชุมชนเกาะล้าน 36 ตัว รวมทั้งสิ้น 356 ตัว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการติดตั้งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2556
สำหรับปัญหา และสาเหตุของกล้องวงจรปิดไม่สามารถใช้งานได้นั้นจำแนกสาเหตุหลักออกเป็น 3 สาเหตุ คือ 1.สาเหตี่เกิดจากสายใยแก้ว หรือสายไฟเบอร์ออปติกเกิดการชำรุด เนื่องจากสายใยแก้วจะมีการพาดกับสายไฟฟ้า และมีสายเคเบิล สายโทรทรัพท์ และสายต่างๆ อีกหลายสายที่รวบกันอยู่จนทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร จนทำให้กล้อง CCTV ไม่สามารถใช้งานได้ สาเหตุที่ 2 เกิดจากการชำรุดการกระชากของไฟฟ้าที่ทำให้อุปกรณ์กล้อง CCTV ไม่สามารถใช้งานได้ และสาเหตุสุดท้ายเกิดจากเสาร์กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งบริเวณชายหาดเกิดการกัดเซาะของน้ำทะเลจนทำให้เสาล้ม เป็นต้น ซึ่งสาเหตุเหล่านี้ทางเมืองพัทยาได้หาแนวทางในการแก้ไขและจัดสรรงบประมาณในการดำเนินการในการซ่อมแซม ทั้งเรื่องของเสาที่ล้มได้มีการลงเข็มเจาะเพื่อเสริมความแข็งแรงของรากฐาน ส่วนการดำเนินการแก้ไขของสายใยแก้วชำรุดนั้น เมืองพัทยาได้มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับการซ่อมแซม โครงการปรับปรุง และพัฒนาศักยภาพกล้องวงจรปิดฯ งบประมาณ 22.5 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังได้มีการแก้ไขในส่วนของการชำรุดของอุปกรณ์กล้องวงจรปิด โดยได้มีการดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันไฟฟ้ากระชาก ซึ่งการดำเนินการทั้งหมดนี้จะมีเจ้าหน้าที่ซ่อมแซมบำรุงอยู่ที่ห้อง CCR ในการดูแลกล้อวงจรปิด หากกล้องมีการชำรุดเสียหาย เจ้าหน้าที่ CCR จะแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุง
นายอิทธิวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถิติกล้องวงจรปิดที่ประชาชนเข้ามาใช้งานนั้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม จนถึงเดือนกันยายน 2555 พบว่า ในเดือนก.ค. มีประชาชนมาใช้บริการทั้งสิ้น 29 ราย พบเหตุการณ์ตามที่ได้รับแจ้ง 22 ราย ไม่พบเหตุการณที่แจ้ง 9 ราย เดือน ส.ค.มีประชาชนมาใช้บริการทั้งสิน 24 ราย พบเหตุการณ์ที่แจ้งจำนวน 14 ราย ไม่พบเหตุการณ์ที่แจ้ง 8 ราย ส่วนเดือน ก.ย. มีประชาชนมาใช้บริการทั้งสิน 25 ราย พบเหตุการณ์ที่แจ้ง 12 ราย ไม่พบเหตุการณ์การที่แจ้ง 13 ราย ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ไม่อยู่ในรัศมีของมุมกล้อง กล้องชำรุดไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้ตามปกติ ผู้เสียหายไม่ทราบจุดเกิดเหตุ และเวลาที่แน่นอน และผู้เสียหายไม่ทราบรูปพรรณสัณฐานคนร้ายที่แน่ชัด จึงเป็นสาเหตุที่ไม่พบเหตุการณ์ตามที่ประชาชนแจ้งเข้ามา ส่วนเหตุการณ์ที่ประชาชนเข้ามาใช้บริการกล้องวงจรปิดส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชน ของหาย และปัญหาอาชญากรรม เป็นต้น
มีรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการดังกล่าวเริ่มดำเนินการมาหลายปี โดยในระยะเริ่มแรกมีการตั้งแผนงานที่จะทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจภูธรภาค 2 ในการจัดกำลังมาตรวจสอบการจราจร และการป้องกันเหตุผ่านระบบดังกล่าว แต่ก็ไม่มีการดำเนินการ ที่สำคั ญสเปกของกล้องที่ใช้ และการบำรุงรักษากลับไม่มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่อย่างเพียงพอ โดยจะมีกำลังเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงเพียง 4-5 นายเท่านั้น ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานไม่สมประโยชน์ แต่กลับมีแผนในการติดตั้งเพิ่มเติม
ขณะที่บางจุดเมื่อติดตั้งไปแล้วก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ เวลาเกิดปัญหาอุบัติเหตุ หรืออาชญากรรมส่วนใหญ่ไม่สามารถนำภาพจากระบบดังกล่าวมาใช้ในการประกอบการแก้ไขปัญหาได้ เนื่องจากกล้องส่วนใหญ่ชำรุด
