หนองคาย - แล้งหนัก ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต้องนำรถสูบน้ำระยะไกลปั่นน้ำจากห้วยเข้าทุ่งนาช่วยต้นข้าวที่ใกล้ตายของชาวนา อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ช่วยให้ต้นข้าวไม่ยืนต้นตายก่อนได้เก็บเกี่ยว
เมื่อเวลา 10.30 น. วันนี้ (12 พ.ย.) นายชรินทร์ สุวรรณภูเต รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 14 จ.อุดรธานี, นายพีระพล ยังขาว หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.หนองคาย, นายคณกร เครือวรรณ นายอำเภอโพนพิสัย พร้อมเจ้าหน้าที่ ได้นำรถสูบน้ำระยะไกลทำการสูบน้ำจากห้วยวังสิม บ้านดงกำพี้ หมู่ 7 ต.วัดหลวง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เข้าสู่ผืนนาของชาวนาบ้านดงกำพี้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้งรุนแรง ข้าวที่กำลังออกรวงขาดน้ำเสี่ยงต่อการที่ข้าวลีบไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้และยืนต้นตาย
ซึ่งมีชาวนาส่วนหนึ่งที่ขาดแคลนน้ำที่นาอยู่ห่างไกลจากแหล่งน้ำ ประกอบกับเป็นดินทรายปนหิน ทำให้ข้าวที่ปลูกไว้ยืนต้นตายไปแล้วหลายร้อยไร่
นายคณกร เครือวรรณ นายอำเภอโพนพิสัย กล่าวว่า ในพื้นที่อำเภอโพนพิสัยประสบปัญหาภัยแล้ง ส่วนใหญ่ชาวนาได้รับผลกระทบมากที่สุดที่ตำบลวัดหลวงและตำบลชุมช้าง พื้นที่นาประมาณ 200,000 ไร่ได้รับความเสียหายจากภัยแล้งแล้ว 20,000 ไร่ ซึ่งอำเภอได้รายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ
โดยเบื้องต้นได้ช่วยเหลือด้วยการสูบน้ำจากแหล่งน้ำใกล้เคียงเข้าพื้นที่นาให้ รวมถึงการเปิดทางน้ำทั้งจากน้ำโขงและลำห้วยหลวงเข้ารางน้ำสาธารณะแล้วให้ชาวนาใช้รถไถนาต่อท่อเข้าที่นาของตนเอง อีกทั้งยังได้ขอรับการสนับสนุนจากส่วนกลางในการขุดเจาะบ่อบาดาลในหลายพื้นที่เพื่อเป็นแหล่งน้ำในระยะยาว ซึ่งอยู่ระหว่างรอการอนุมัติช่วยเหลือ
ด้านนายชรินทร์ สุวรรณภูเต รักษาการผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 14 กล่าวว่า ศูนย์ฯ ได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งอย่างเร่งด่วนในพื้นที่รับผิดชอบ ซึ่งครั้งนี้ได้นำรถสูบน้ำระยะไกลที่สามารถสูบน้ำจากแหล่งน้ำเข้าพื้นที่การเกษตร 1 นาทีต่อ 8,000 ลิตร ระยะส่ง 3 กม.
โดยจะเคลื่อนที่ไปตามจุดที่ชาวบ้านร้องขอ ซึ่งจะสามารถช่วยพยุงต้นข้าวที่กำลังจะได้เก็บเกี่ยวไม่ให้ข้าวลีบและยืนต้นตายได้ในส่วนหนึ่ง สำหรับพื้นที่ทางการเกษตรที่เดือดร้อนให้ประสานกับอำเภอเพื่อจัดหาจุดกระจายแหล่งน้ำเข้าช่วยเหลือในลำดับต่อไป