โจรแสบวางยารปภ.ก่อนบุกงัดสนง.โรงบรรจุแก๊สของรองผบ.ตร

ศูนย์ข่าวศรีราชา - โจรแสบบุกงัดสำนักงานโรงบรรจุแก๊ส ของรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในเมืองพัทยา ก่อนยกเซฟไร้ของมีค่าเผ่นหนี เจ้าหน้าที่บริษัทชี้เมื่อ 6 ปีก่อนเคยถูกคนร้ายบุกลักทรัพย์ในลักษณะเดียวกันปัจจุบันยังจับตัวไม่ได้ ขณะที่ รปภ.เผยก่อนเกิดเหตุดื่มชาเขียวที่มีผู้นำมาให้จนหมดสติ เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวเพื่อสอบสวน

วันนี้ ( 9 พ.ย.) พนักงานสอบสวน สภ.บางละมุง จ.ชลบุรี เข้าตรวจสอบเหตุลักทรัพย์ภายในโรงบรรจุแก๊ส ของบริษัท “เวิลด์แก๊ส” จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 458/12 ซอยชัยพรวิถี หมู่ 4 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หลังได้รับแจ้งเกิดเหตุคนร้ายบุกงัดบริษัทและยกเซฟของบริษัทไปด้วย ซึ่งมีนางสาวอัจฉรา เรืองฤทธิ์ อายุ 50 ปี พนักงานแผนกการเงิน และนายวัลลภ อับดุลเลาะ อายุ 34 ปี เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัท รอให้การ

จากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบคนร้ายได้งัดบานหน้าต่างเลื่อนหน้าออฟฟิศ เข้ามาโจรกรรมทรัพย์สินเป็นตู้เซฟซึ่งภายในไม่มีของมีค่า จำนวน 1 ใบ เงินเหรียญจำนวน 300 บาท ซึ่งในเบื้องต้นได้ให้เจ้าหน้าที่วิทยาการเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบปากคำ นายวัลลภ อับดุลเลาะ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ให้การว่าขณะเข้าเวรกลางดึก นายแชมป์ (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) ซึ่งเป็นคนงานตัดหญ้าของโรงบรรจุแก๊ส ได้นำชาเขียวมาให้ดื่ม โดยไม่เอะใจอะไร เนื่องจากนายแชมป์มักซื้อฝากเป็นประจำ โดยหลังดื่มชาเขียวขวดดังกล่าวเข้าไปก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย กระทั่งรุ่งเช้าจึงพบว่าได้รับการปฐมพยาบาลจากเจ้าหน้าที่ของบริษัทจนฟื้นคืนสติ และพบว่าคนร้ายได้งัดออฟฟิศ และยกตู้เซฟหนีไป

ด้านนางสาวอัจฉรา เล่าว่าโรงบรรจุแก๊สดังกล่าวเป็นของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเเมื่อประมาณ 6 ปีก่อน เคยถูกโจรเข้ามางัดเซฟแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งในครั้งนั้นได้ทรัพย์สินเป็นเงินสด ประมาณ 1 แสนบาท สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท และปัจจุบันตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้

กระทั่งล่าสุด ได้เกิดเหตุคนร้ายมอมยานอนหลับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และงัดบริษัทขนทรัพย์สินไป ซึ่งปกติจะเก็บเงินรายได้ของบริษัทในแต่ละวัน ๆ ละประมาณ 1 แสนบาทไว้ในตู้เซฟ แต่โชคดีที่ครั้งนี้ไม่ได้นำเงินสดเก็บ คนร้ายจึงได้ทรัพย์สินไปไม่มากนัก

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เดินทางไปตรวจสอบที่บ้านของนายแชมป์ แต่ไม่พบตัวและจะเร่งติดตามจับกุมมาทำการสอบสวน ซึ่งหากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป