ศูนย์ข่าวศรีราชา - สตช.จัดประชุมกำหนดแนวทางสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี
วันนี้ (18 ก.ค.) ที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้เดินทางมาเป็นประธานในการประชุมกำหนดแนวทางสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2
โดยมี พล.ต.ต.สัญชัย ไชยอำพร รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา นำกำลังตำรวจ สภ.เมืองพัทยา, ตำรวจท่องเที่ยว, กองปราบปราม, ตำรวจน้ำ, ตำรวจทางหลวง, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, กรมเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 สาขาพัทยา รวมถึงหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการรับฟังปัญหาด้านการท่องเที่ยวจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่ตำรวจภาค 2
โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ที่มีกลุ่มบุคคลเข้ามาแฝงตัวก่ออาชญากรรมในหลายรูปแบบ เช่น กลุ่มหญิงสาวประเภทสองติดต่อชักชวนนักท่องเที่ยวให้ซื้อบริการ และร่วมหลับนอนด้วย ก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือบางครั้งก่อเหตุทำร้ายนักท่องเที่ยว
ปัญหานักท่องเที่ยวถูกผู้ประกอบการเอารัดเอาเปรียบ เช่น ผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีเช่า รถเช่าบริเวณชายหาด เกิดการเฉี่ยวชน ผู้ประกอบการเรียกเก็บค่าบริการ หรือค่าเสียหายเกินจริง และปัญหาด้านการจราจร เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี ตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ ในการประชุม ครม.สัญจร
โดยในเบื้องต้น ในที่ประชุมได้เสนอแนวทางในการแก้ปัญหาออกเป็น 2 ส่วน คือ การแก้ไขปัญหาระยะสั้นที่สามารถดำเนินการได้ทันที ด้วยการตัดแต่งต้นไม้ที่มีลักษณะปิดบังภูมิทัศน์และแสงสว่าง ตลอดแนวชายหาด ให้มีลักษณะโปร่ง เพื่อทำให้สามารถตรวจตรารักษาความปลอดภัยได้ง่าย และอีกแนวทางที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ คือ โครงการเซฟตี้ โซน ชายหาดพัทยา ในการแก้ปัญหาอาชญากรรม โดยจะมีการติดตั้งตู้ยามตรวจการณ์ จำนวน 7 จุด ระยะห่างจุดละ 300 เมตร โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับอาสา 2 นาย ประจำตู้ตรวจการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น
วันนี้ (18 ก.ค.) ที่ สภ.เมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้เดินทางมาเป็นประธานในการประชุมกำหนดแนวทางสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 2
โดยมี พล.ต.ต.สัญชัย ไชยอำพร รอง ผบช.ภ.2 พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี นายรณกิจ เอกะสิงห์ รองนายกเมืองพัทยา นำกำลังตำรวจ สภ.เมืองพัทยา, ตำรวจท่องเที่ยว, กองปราบปราม, ตำรวจน้ำ, ตำรวจทางหลวง, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, กรมเจ้าท่าภูมิภาคที่ 6 สาขาพัทยา รวมถึงหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เพื่อเป็นการรับฟังปัญหาด้านการท่องเที่ยวจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวในพื้นที่ตำรวจภาค 2
โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว ที่มีกลุ่มบุคคลเข้ามาแฝงตัวก่ออาชญากรรมในหลายรูปแบบ เช่น กลุ่มหญิงสาวประเภทสองติดต่อชักชวนนักท่องเที่ยวให้ซื้อบริการ และร่วมหลับนอนด้วย ก่อความเดือดร้อนรำคาญ หรือบางครั้งก่อเหตุทำร้ายนักท่องเที่ยว
ปัญหานักท่องเที่ยวถูกผู้ประกอบการเอารัดเอาเปรียบ เช่น ผู้ประกอบการเรือเจ็ตสกีเช่า รถเช่าบริเวณชายหาด เกิดการเฉี่ยวชน ผู้ประกอบการเรียกเก็บค่าบริการ หรือค่าเสียหายเกินจริง และปัญหาด้านการจราจร เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี ตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ ในการประชุม ครม.สัญจร
โดยในเบื้องต้น ในที่ประชุมได้เสนอแนวทางในการแก้ปัญหาออกเป็น 2 ส่วน คือ การแก้ไขปัญหาระยะสั้นที่สามารถดำเนินการได้ทันที ด้วยการตัดแต่งต้นไม้ที่มีลักษณะปิดบังภูมิทัศน์และแสงสว่าง ตลอดแนวชายหาด ให้มีลักษณะโปร่ง เพื่อทำให้สามารถตรวจตรารักษาความปลอดภัยได้ง่าย และอีกแนวทางที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ คือ โครงการเซฟตี้ โซน ชายหาดพัทยา ในการแก้ปัญหาอาชญากรรม โดยจะมีการติดตั้งตู้ยามตรวจการณ์ จำนวน 7 จุด ระยะห่างจุดละ 300 เมตร โดยจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร่วมกับอาสา 2 นาย ประจำตู้ตรวจการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น