กาฬสินธุ์ - จังหวัดกาฬสินธุ์เตือนประชาชนเก็บน้ำใช้ หลังพบปัญหาฝนแล้งส่อวิกฤตรุนแรงหนักสุดในรอบ 30 ปี ชี้ปัญหาน้ำระเหยสุ่มเสี่ยงการเพาะปลูก ย้ำหยุดทำการเกษตร ขณะที่ชาวนากุ้งก้ามกรามอำเภอยางตลาดเร่งเก็บกุ้งหนีภัยแล้ง
จากการติดตามปัญหาภัยแล้งที่คุกคามจังหวัดกาฬสินธุ์ ล่าสุดทางจังหวัดได้ประกาศให้พื้นที่ 11 อำเภอเป็นเขตภัยพิบัติแล้ง ซึ่งยังพบพื้นที่นาข้าวส่อตายแล้งกว่า 500,000 แสนไร่ กับความเดือดร้อนของประชาชนที่ส่อรุนแรงในพื้นที่นอกเขตชลประทานพบความต้องการน้ำอุปโภคบริโภคกว่า 100,000 ครัวเรือน
ปัญหานี้ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามกรามในพื้นที่อำเภอยางตลาดต้องเร่งเก็บกุ้งชุดสุดท้ายขายเพราะความแห้งแล้งจะนำพาความร้อนที่ทำให้กุ้งน็อกตาย แต่ก็ยังพบว่าเกษตรกรกว่าร้อยละ 60 เสี่ยงที่จะทำนากุ้งหลายรายแก้ไขปัญหาด้วยการสูบน้ำบาดาล ในรายที่ไม่มีน้ำก็ต้องยอมรับสภาพเนื่องจากการเลี้ยงกุ้งได้ทำการซื้อขายลูกกุ้งกันไว้ล่วงหน้า
สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้พบว่า ปริมาณน้ำในเขื่อนลำปาวได้ลดลงเร็วกว่ากำหนด ล่าสุดเหลือน้ำอยู่เพียง 360 ล้าน ลบ.ม. ทำให้เหลือน้ำใช้การได้เพียง 260 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้ระดับความแห้งแล้งโดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าอาคารส่งน้ำแห้งขอดอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ เขื่อนลำปาวยืนยันว่าปริมาณน้ำจะมีเพียงพอเฉพาะน้ำอุปโภคบริโภคและผลิตน้ำประปา แต่จะไม่พอให้ชาวบ้านได้ทำเกษตร ดังนั้นประชาชนไม่ควรที่จะเสี่ยงเพราะจะประสบปัญหาภาวะขาดทุนจากภัยแล้งที่รุนแรงในรอบ 30 ปี
ด้านนายสุวิทย์ สุบงกฎ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ รักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากข้อมูลของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดรายงานว่า สถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ล่าสุดตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2555 มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง 17 อำเภอ 124 ตำบล 1,191 หมู่บ้าน 93,084 ครัวเรือน ประชาชนเดือดร้อน 333,976 คน มีพื้นที่การเกษตรประสบภัย 457,470 ไร่
พื้นที่ที่คาดว่าน่าจะเสียหาย 365,300 ไร่ คิดเป็น 54% ของพื้นที่ประสบภัย มูลค่าความเสียหาย 216,247,342 บาท โดยจังหวัดได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยเบื้องต้น พร้อมได้สั่งการให้ทางอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาฬสินธุ์ นำน้ำอุปโภค บริโภค ไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนแล้ว