ลูกไม่พร้อมดูแล! สุดท้ายพ่ออดีตนักยกน้ำหนักทีมชาติต้องอยู่บ้านพักคนชรา

ลำปาง - เป็นไปได้! ในที่สุดพ่ออดีตนักยกน้ำหนักทีมชาติไทย ต้องถูกส่งตัวเข้าบ้านพักคนชราอย่างเลี่ยงไม่พ้น เผยลูกชาย-ลูกสาวไม่พร้อมรับไปดูแล แต่ลูกสาวเคยมารับไปเที่ยวครั้งหนึ่ง ขณะที่ลูกชายนำเอทีเอ็มพ่อมอบให้ศูนย์ฯ แล้ว

วันนี้ (5 พ.ย.) นายสมชาย อำพันกาญจน์ ปลัดอาวุโส พร้อมด้วยนายพรนิมิตร สายเทพ ปลัดอำเภอเมืองลำปาง ได้เดินทางเข้าเยี่ยมนายอำพล ภาคสุโพธิ์ ชายชราวัย 65 ปี บิดาของนายศักดา และอภิญญา ภาคสุโพธิ์ อดีตนักกีฬายกน้ำหนักหญิงทีมชาติไทย ที่ป่วยด้วยโรคความจำเสื่อม และถูกส่งตัวเข้าไปพักอาศัยที่ศูนย์สงเคราะห์ผู้สูงอายุ จ.ลำปาง เพื่อติดตามความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวพร้อมนำเงินที่หน่วยงานได้มอบไว้ให้ก่อนหน้านี้จำนวน 5,000 บาท มอบให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อใช้ดูแลนายอำพลด้วย

ก่อนหน้านี้ นายอำพลถูกเลี้ยงไว้ด้วยการให้พักอยู่ในบ้านเพียงลำพัง ไร้คนดูแล โดยลูกชายจะนำอาหารมาให้ในเวลาเช้าเท่านั้น และหนึ่งสัปดาห์ลูกชายจะมาทำความสะอาดบ้าน 1 ครั้ง จนชาวบ้านทนเห็นไม่ไหวจึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือ

หลังมีการนำเสนอข่าว ทางกรมทรัพยากรธรณีซึ่งเป็นต้นสังกัดเดิมของนายอำพล ซึ่งได้เกษียณอายุราชการเมื่อปี 2552 ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของกรมทรัพยากรณี ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในภาคเหนือ นำเงินมาช่วยเหลือ 5,000 บาท จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายอำพลเข้ารักษาอาการเบื้องต้นที่โรงพยาบาลลำปาง เนื่องจากแพทย์พบว่านายอำพลมีสภาวะสมองเสื่อมเนื่องจากไม่ได้กินยาเป็นเวลาร่วม 2 ปี ทั้งยังมีความดันสูงเล็กน้อย

โดยระหว่างที่รักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ทางอำเภอเมืองลำปางได้ประสานกับลูกทั้ง 2 คนเพื่อสอบถามถึงความเป็นไปได้ในการที่จะรับนายอำพลไปดูแล แต่ลูกทั้งคู่ต่างปฏิเสธเนื่องจากแต่ละคนมีครอบครัว และไม่สามารถรับบิดาไปอยู่ด้วยได้

หลังเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลลำปางประมาณ 1 สัปดาห์ ทางโรงพยาบาลได้ติดต่อทางศูนย์สงเคราะห์ผู้สูงอายุ จังหวัดลำปาง มารับตัวนายอำพลไปพักอยู่ที่ศูนย์ฯ

เจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ระบุว่านายอำพลมีอาการดีขึ้น แต่จะมีบางครั้งที่ยังมีอาการหลงลืมและจะปีนหน้าต่าง ทางเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องมัดบ้างในบางครั้ง ที่ผ่านมาลูกสาวคืออภิญญา ภาคสุโพธิ์ ได้มาเยี่ยมพ่อ และรับออกไปเที่ยวหนึ่งครั้งก่อนที่จะพากลับมาอยู่ที่บ้านพักตามเดิม

ส่วนลูกชาย คือนายศักดา ภาคสุโพธิ์ ได้นำบัตรเอทีเอ็มที่เคยกดเงินบำนาญจากบัญชีของบิดาเดือนละกว่าแปดพันบาทมามอบให้เจ้าหน้าที่เพื่อที่จะได้ใช้ในการดูแลพ่อแทนตนเองต่อไป ซึ่งในส่วนนี้ทางศูนย์ฯ จะได้ประสานลูกทั้ง 2 คนเข้ามาเซ็นเอกสารเพื่อความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวอีกครั้งเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาติดตามมาในภายหลัง