สุรินทร์ - พระสงฆ์ พร้อม ตชด.-ทหาร-จนท.ป่าไม้ ไล่จับแก๊งเขมรลอบตัดไม้พะยูงชายแดนไทยป่าเทือกเขาพนมดงรัก ด้าน อ.บัวเชด สุรินทร์ ได้ผู้ต้องหา 3 ราย หนีกระเจิงเข้าเขตกัมพูชากว่า 20 ราย ทิ้งของกลางเกลื่อนพร้อมไม้พะยูง 30 ท่อน สารภาพถูกนายทุนจ้างเข้ามาตัดไม้ในเขตไทย แฉวัยโจ๋เขมรนิยมแห่รับจ้างตัดไม้พะยูงขายแทนส่งยาบ้าที่โทษหนักกว่า เผยเดือนเดียวรวบแก๊งเขมรลอบตัดพะยูง 11 ครั้ง รวม 100 ท่อน กว่าสิบล้าน
วันนี้ (4 พ.ย.) เมื่อเวลา 06.00 น. ที่บริเวณป่าแนวเทือกเขาพนมดงรักดง วัดเขาศาลาอตุละฐานะจาโร บ้านจรัส ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ พระพิศาลศาสนกิจ หรือ หลวงตาเยื้อน ขันติพโล เจ้าอาวาสวัดเขาศาลา อตุลฐานะจาโร ได้รับแจ้งว่า มีชาวกัมพูชากว่า 30 คน เข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูงทางทิศใต้ของพุทธอุทยานวัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร ในเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าห้วยทับทัน-ห้วยสำราญ ต.จรัส อ.บัวเชด จังหวัดสุรินทร์
จึงเดินทางเข้าไปตรวจสอบ พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ไทย นำโดย ร.ต.อ.มนัส ทองปน รองผู้บังคับกองร้อย ตชด.214 นายทิมัมพร สิงหะ เจ้าหน้าที่ป่าไม้บัวเชด ทหารพราน และทหารกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 เมื่อเจ้าหน้าที่ไทยเดินทางไปถึงบริเวณที่มีการลักลอบตัดไม้พะยูง พบชาวกัมพูชาจำนวนหลายสิบคนกำลังช่วยกันนำไม้พะยูงขึ้นรถเข็น 2 ล้อ และเมื่อเห็นกำลังเจ้าหน้าที่ต่างพากันตกใจวิ่งหนีแตกกระเจิงเข้าป่าข้ามแดนไปในเขตประเทศกัมพูชา
เจ้าหน้าที่สามารถไล่จับกุมตัวได้ 3 คน คือ นายวน อีฟ อายุ 27 ปี นายนวล อินนา อายุ 16 ปี และนายเสร็ย เดิก อายุ 28 ปี ซึ่งทั้ง 3 คนเป็นชาวบ้านอลองเวง จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา และจากการเข้าเคลียร์พื้นที่ของเจ้าหน้าที่ ตชด. ทหารและเจ้าหน้าที่ป่าไม้พบไม้พะยูงถูกแปรรูปเป็นท่อนเหลี่ยมยาว 1 เมตร จำนวน 30 ท่อน นำขึ้นบรรทุกบนรถเข็นสองล้อมัดไว้อย่างแน่นหนาเพื่อเตรียมลำเลียงเข้าไปยังฝั่งประเทศเขมร รวมทั้งพบอุปกรณ์ลำเลียงไม้พะยูง เป็นถุงปุ๋ยทำเป็นเปลบรรจุไม้พะยูงสำหรับแบกลำเลียงข้ามแดน และมีต้นพะยูงขนาดใหญ่ถูกตัดโค่นเตรียมแปรรูป จำนวน 6 ต้น พร้อมเลื่อยมืออีก 2 ปื้น
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้นำไม้พะยูงและของกลางทั้งหมด พร้อมผู้หาชาวกัมพูชา 3 คน มาสอบสวน และแจ้งข้อหาดำเนินคดีที่ สภ.บัวเชด อ.บัวเชด จ.สุรินทร์
จากการสอบสวนผู้ต้องหาชาวกัมพูชาทั้ง 3 คน ทราบว่า มีนายทุนว่าจ้างให้คนหนุ่มและวัยรุ่นชาวกัมพูชาในเขตพื้นที่ จ.อุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา จำนวน 30 คน เข้ามาตัดไม้พะยูงในป่าชายแดน ซึ่งหลอกว่าอยู่ในเขตแดนของประเทศกัมพูชา โดยจะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 90 บาท ซึ่งไม้แต่ละท่อนหนักประมาณ 50 กิโลกรัม มีราคาประมาณ 4,500 บาทต่อท่อน และเมื่อทำการส่งไปขายยังประเทศจีนได้จะมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 500 บาท
ขณะที่เจ้าหน้าที่ไทยแจ้งให้ผู้ต้องชาวกัมพูชาหาทราบว่า จุดที่เข้ามาลักลอบตัดไม้ของชาวกัมพูชาอยู่ลึกเข้ามาในเขตแดนไทย 4 กิโลเมตร ผู้ต้องหาทั้งหมดถึงกับหน้าถอดสี พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้วัยรุ่นกัมพูชาซึ่งกำลังประสบปัญหาภัยแล้งและส่วนใหญ่ฐานะยากจนกำลังนิยมออกหาตัดไม้พะยูงเพื่อส่งขายให้นายทุนชาวกัมพูชา ซึ่งได้ราคาสูงแทนการส่งยาบ้า ที่มีอัตราโทษหนักกว่า
ทางด้าน พระพิศาลศาสนกิจ หรือ “หลวงตาเยื้อน” ขันติพโล เจ้าอาวาสวัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร บ้านจรัส ต.จรัส อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ กล่าวว่า จากการที่วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีป่าสมบูรณ์ และมีไม้พะยูงขึ้นอยู่มากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ทำให้เป็นเป้าหมายของนายทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่ต้องการไม้พะยูงส่งไปขายในต่างประเทศ ซึ่งเฉพาะแค่เดือน ต.ค. ที่ผ่านมา มีการจับกุมชาวกัมพูชาลักลอบเข้ามาตัดไม้พะยูงมากถึง 11 ครั้ง จับกุมผู้ต้องหาได้ 11 คน พร้อมของกลางไม้พะยูงกว่า 70 ท่อน และครั้งนี้อีก 30 ท่อน รวมเป็น 100 ท่อน มูลค่านับสิบล้านบาท
“สถานการณ์ตอนนี้หลายฝ่าย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไทยต่างรู้สึกหนักใจ เนื่องจากการลักลอบเข้ามาตัดไม้ในเขตชายแดนไทยมีความถี่มากขึ้น อีกทั้งผู้ต้องหาเริ่มมีอายุน้อยลง โดยส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นอายุ 14-18 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่พละกำลังแข็งแรงในการตัดโค่นต้นไม้ และชักลากไม้ออกจากป่าเขตแดนไทยเข้าไปในฝั่งกัมพูชาได้อย่างรวดเร็ว” พระพิศาลศาสนกิจ กล่าว
