ศูนย์ข่าวศรีราชา - ดีเอสไอร่วมกับกรมธุรกิจพลังงานลงพื้นที่ตรวจสอบสถานีบริการแก๊สเทียนชัย ในอำเภอบางละมุง ชลบุรี หลังมีการตรวจสอบพบว่า มีการดำเนินการผิดประเภท
วันนี้ (2 พ.ย.) พนักงานสอบสวนคดีพิเศษศูนย์ปฎิบัติการภาคตะวันออก กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับศูนย์ป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล พร้อมคณะเจ้าหน้าที่กรมธุรกิจพลังงาน เข้าตรวจค้นปั๊ม และโรงบรรจุแก๊สแอลพีจี บริษัทเทียนชัยปิโตรเคมีคัล จำกัด เลขที่ตั้ง 126/86 หมู่ 6 ถนนสุขุมวิท ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี หลังรับแจ้งว่ามีการนำแก๊ส LPG มาจำหน่ายในลักษณะผิดประเภท
ทั้งนี้ จากการเข้าตรวจค้นภายในปั๊มพบว่า มีการลักลอบนำแก๊ส LPG ที่ใช้สำหรับภาคครัวเรือน หรือแก๊สหุงต้มมาจำหน่ายในภาคขนส่ง หรือรถยนต์โดยทั่วไปซึ่งเข้าข่ายลักษณะการจำหน่ายแบบผิดประเภท ซึ่งการกระทำลักษณะนี้จะทำให้ผู้ประกอบการได้ส่วนต่างในเรื่องราคาแก๊สเป็นจำนวนมาก เนื่องจากแก๊ส LPG ที่คลังแก๊สจำหน่ายให้ผู้ประกอบการจะมีราคาต้นทุนต่ำกว่าแก๊ส LPG มาผลิตเพื่อนำมาใช้ในระบบขนส่ง จึงได้ดำเนินการเข้าตรวจจับตามพระราชกำหนดป้องกันและแก้ไขภาวะขาดแคลนพลังงาน
ซึ่งเบื้องต้นพบว่า สถานีบริการแห่งนี้ได้กระทำผิดในลักษณะนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี โดยนายธรรมศักดิ์ ฤทธิ์เกรียงไกร เจ้าของกิจการรับสารภาพว่า กระทำผิดจริง โดยใช้รถบรรทุกไปซื้อแก๊สหุงต้ม LPG มาจากโรงจำหน่ายแก๊สของ ปตท.บ้านโรงโป๊ะ แต่ไม่ได้นำมาเติมถังแก๊สในระบบหุงต้มเพียงอย่างเดียว โดยแบ่งบางส่วนบรรจุลงถังหัวจ่ายในระบบขนส่งเพื่อจำหน่ายให้แก่ประชาชนที่ขับขี่ยานพาหนะที่ใช้แก๊ส LPG เป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะได้กำไรจากส่วนต่างของราคาแก๊สในระบบขนส่งซึ่งราคาสูงกว่าแก๊สหุงต้มปกติ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการบรรจุแก๊สข้ามยี่ห้ออีกด้วย
นายประวิทย์ ชัยบัวแดง ผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการคดีพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากกรมธุรกิจพลังงานได้ประสานขอให้ดีเอสไอตรวจสอบการลักลอบกระทำผิดดังกล่าวทั่วประเทศ เนื่องจากทำให้รัฐเสียหาย เพราะต้องใช้งบประมาณอุดหนุนแก๊สครัวเรือนหลายพันล้านบาท สำหรับสถานีแห่งนี้พบว่ามีการลักลอบขนถ่ายแก๊สเข้ามาประมาณวันละ 4 หมื่นลิตร
ซึ่งเมื่อปั๊มนำมาจำหน่ายในระบบขนส่งก็จะทำให้ได้กำไรจากส่วนต่างประมาณ 5 บาทต่อลิตร เนื่องจากแก๊สหุงต้มมีรัฐบาลพยุงราคาทำให้ราคาถูกกว่า แต่กลับลักลอบนำมาจำหน่ายในระบบขนส่งซึ่งมีราคาสูงกว่า ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นความผิดโดยมีระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
