ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ผู้ว่าฯขอนแก่นพร้อม ผบช.ตร.ภูธรภาค 4 นำทีมเข้าตรวจสอบโรงสีชัยมงคลรุ่งเรือง 1 ใน 40 จุดรับจำนำข้าวนาปรังแต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ ขณะที่ ผบช.ตร.ภ.4 เผยพบการทุจริตในโครงการจำนำข้าวแล้วใน 3 จังหวัด คือ สกลนคร ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 พ.ย.) นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 นายประเสริฐ ฝ่ายชาวนา การค้าภายในจังหวัดขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 50 นาย เข้าตรวจสอบคลังเก็บสินค้ากลางภายในบริษัท ชัยมงคลรุ่งเรืองการเกษตร จำกัด เลขที่ 175 หมู่ 9 ตำบลพระลับ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็น 1 ใน 40 จุดที่เปิดรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังประจำปีการผลิต 2555
เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจนับข้าวที่ถูกเก็บไว้ในคลังเก็บสินค้า 2 โกดัง ซึ่งโกดังแรกมีข้าวเก็บทั้งสิ้น 36,288 กระสอบ น้ำหนักรวม 3,626,166.20 กิโลกรัม ส่วนโกดังที่ 2 เก็บข้าว 15,132 กระสอบ น้ำหนักรวม 1,512,433.10 กิโลกรัม จากการตรวจสอบอย่างละเอียดไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ทางจังหวัดขอนแก่นได้เปิดจุดรับจำนำข้าวแล้ว 40 จุด โดยเป็นจุดรับจำนำภายในเขต 13 จุด และนอกเขต 27 จุด ครอบคลุมทั้งจังหวัดขอนแก่น โดยแต่ละจุดจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพข้าวอย่างละเอียดเพื่อป้องกันการทุจริตข้าวที่นำมาร่วมจำนำ ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของเกษตรกรที่จะได้รับตามนโยบายของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นยังไม่พบการทุจริตการจำนำข้าวแต่อย่างใด
พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่า การตรวจสอบจุดรับจำนำข้าวในวันนี้ได้สั่งการเข้าตรวจในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 4 ทั้ง 11 จังหวัดภาคอีสานตอนบน ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเป็นการตรวจก่อนที่จะมีการระบายข้าวออกไปเพื่อเตรียมการรับจำนำข้าวนาปีที่เกษตรกรใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิต
โดยกำชับให้ตั้งจุดตรวจตามจังหวัดที่ติดกับชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ให้เข้มงวดการตรวจสอบข้าวที่ลักลอบนำเข้ามาสวมสิทธิ ขณะที่จากการตรวจสอบพบการทุจริตการจำนำข้าวแล้วใน 3 จังหวัด คือ จังหวัดสกลนคร ร้อยเอ็ด และจังหวัดมหาสารคาม จังหวัดละ 1 ราย ซึ่งได้สั่งดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
ด้านนายประเสริฐ ฝ่ายชาวนา การค้าภายใน จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดขอนแก่นได้อนุมัติโรงสีในพื้นที่เปิดจุดรับจำนำทั้งหมด 13 โรง และในวันที่ 15 พ.ย.นี้คณะอนุกรรมการติดตามกำกับดูแลการรับจำนำข้าวระดับจังหวัดจะนัดประชุมเพื่อหารือว่าโรงสีภายในจังหวัด 13 โรงนั้นถือว่าเพียงพอหรือไม่ เพราะขอนแก่นมีทั้งหมด 26 อำเภอ หากไม่เพียงพอก็จะพิจารณาอนุมัติให้มีการเปิดจุดรับจำนำนอกพื้นที่หรือนอกเขตเพิ่ม
นายประเสริฐกล่าวอีกว่า ขณะนี้มีโรงสียื่นขออนุญาตเปิดจุดรับจำนำนอกเขตเข้ามาแล้วทั้งหมด 27 จุด ในจำนวนนี้เป็นโรงสีที่ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 5 โรง และโรงสีจากภาคกลาง ทั้งนครสวรรค์ พิจิตร ชัยนาท อ่างทองอีก 30 โรง ในจำนวนจุดรับจำนำ 27 จุดนั้นมีโรงสีหลายเจ้าขอเปิดรับจำนำในจุดเดียวกัน จุดรับจำนำเหล่านี้มีทั้งท่าข้าวและสหกรณ์การเกษตรที่มีความพร้อมครบตามหลักเกณฑ์ใช้เป็นจุดรับจำนำ เช่น ต้องมีกล้องวงจรปิด ระบบอินเทอร์เน็ต หรืออุปรกรณ์เครื่องมืออื่นๆ ที่ต้องใช้ในกระบวนการรับจำนำ
“ในห้วงนี้ถือว่าอยู่ในกระบวนการเตรียมความพร้อมให้บริการแก่เกษตรกร เพราะผลผลิตข้าวส่วนใหญ่ยังไม่มีการเก็บเกี่ยวต้องรอไปจนถึงปลายเดือนพฤศจิกายาหรือต้นเดือนธันวาคมเป็นต้นไปชาวนาถึงจะมีข้าวเปลือกไปจำนำ” นายประเสริฐกล่าว และระบุว่า โรงสีต่างๆ ที่ขออนุมัติเปิดจุดรับจำนำนอกเขตพื้นที่นั้นต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายจ้างเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ เอง โดยภาครัฐจะให้ความช่วยเหลือตามเงื่อนไขสัญญา
