อุดรธานี-นายแพทย์ สสจ.อุดรธานีเตือนผู้ปกครองควรกวดขัน พร้อมให้ความรู้ กำกับดูแลระมัดระวังบุตรหลานในการเล่นประทัด ขณะที่โรงพยาบาลอุดรธานี รับผู้ป่วยจากการเล่นประทัดเข้ารับการรักษาแล้ว 37 ราย โดยยอดผู้ป่วยสะสมที่พิการ 3 ปีย้อนหลังพบกว่า 100 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลอุดรธานี นพ.สัญชัย ปิยะพงษ์กุล นายแพทย์สาธารณสุข จ.อุดรธานี พร้อมคณะเจ้าหน้าที่แพทย์พยาบาลโรงพยาบาลอุดรธานี ได้มาตรวจเยี่ยมผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นประทัดที่รับการรักษาตัว
พบผู้บาดเจ็บที่ยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่ตึกตา จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย ด.ช.เจริญพงษ์ วงษ์สีทา อายุ 7 ปี ด.ช.ธนภัทร์ คล่องแคล่ว อายุ 9 ปี ด.ช.อภินันต์ เด็กศิริ อายุ 10 ปี และ ด.ช.วัชรพล ทุมพะลา อายุ 12 ปี ซึ่งทั้ง 4 คน ถูกแรงระเบิดของประทัดลูกบอลได้รับบาดเจ็บบริเวณดวงตา
นพ.สัญชัย ปิยะพงษ์กุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า จากการรวบรวมสถิติผู้บาดเจ็บจากการเล่นประทัดช่วงเทศกาลออกพรรษา 3 ปี ย้อนหลัง พบว่า ปี 2551 มีผู้บาดเจ็บ 51 ราย พิการ 33 ราย ในปี 2552 พบผู้บาดเจ็บ 41 ราย พิการ 25 ราย ในปี 2553 พบผู้บาดเจ็บ 101 รายพิการ 46 ราย ส่วนใหญ่มีบาดแผลเหวอะหวะบริเวณข้อมือ นิ้วขาด มือแตก ข้อมือขาด บางรายมีแผลไฟไหม้ลุกลามถึงแขน และบริเวณใบหน้า และบางรายได้รับอันตรายถึงตาบอด
จากการสอบถามประวัติพบว่า ผู้บาดเจ็บมักจุดประทัดในขวดน้ำอัดลม น้ำยาทาเล็บ ซึ่งเมื่อระเบิดแก้วจะแตกกระจายทำให้อันตรายมากขึ้น และผู้ได้รับอันตรายส่วนใหญ่เป็นเด็กระดับชั้นประถมศึกษา อายุระหว่าง 5-15 ปี เพื่อป้องกันอันตรายดังกล่าว จังหวัดอุดรธานีจึงขอฝากเตือนมายังพ่อแม่ผู้ปกครองได้กวดขัน พร้อมให้ความรู้ กำกับดูแลระมัดระวังบุตรหลานในการเล่นประทัด ไม่ปล่อยให้เด็กเล่นตามลำพัง และไม่ควรทำ ผลิต หรือประดิษฐ์ประทัด หรือดอกไม้ไฟขึ้นเอง และไม่ควรเล่น หรือจุดประทัดในสถานที่ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอัคคีภัย
ด้าน นพ.พิชาติ ดลเฉลิมยุทธนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานีเปิดเผยว่า ยอดผู้บาดเจ็บที่มารักษาตัวที่โรงพยาบาลอุดรธานีล่าสุดในขณะนี้มีจำนวน 37 ราย ส่วนใหญ่จะเป็นเด็ก ส่วนประทัดที่เล่นกันมากคือ ฟุตบอล และสามเหลี่ยมที่ทำให้มือขาด นิ้วขาด ถึงแม้ทางอำเภอ และตำรวจจะห้ามจำหน่ายแล้วก็ตามแต่ก็ยังมีการซื้อขายกันอยู่
