ศูนย์ข่าวขอนแก่น - รพ.ศรีนครินทร์ ขอนแก่น เปิดใช้ระบบเตรียมหลอดเลือดและห้องปฏิบัติการอัตโนมัติ เพิ่มศักยภาพการให้บริการ รวดเร็ว แม่นยำ และลดความผิดพลาดการตรวจเลือด เผยเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์รองรับการเป็น Medical Hub ในกลุ่มประเทศอาเซียนในอนาคตอันใกล้นี้
วันนี้ (24 ต.ค.) ที่สโมสรข้าราชการ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์เป็นประธานในพิธีเปิดระบบเตรียมหลอดเลือดและห้องปฏิบัติการอัตโนมัติ ซึ่งเป็นมาตรฐานการบริการใหม่ที่จะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ถูกต้อง แม่นยำ รวดเร็ว ลดการผิดพลาด และมีศักยภาพสูงในการให้บริการ โดยสามารถรองรับการเป็นศูนย์กลางการแพทย์ Medical Hub ของประเทศในกลุ่มอาเซียนในอนาคต
รศ.นพ.ชาญชัย พานทองวิริยะกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มข. เปิดเผยว่า โรงพยาบาลศรีนครินทร์ได้ให้บริการตรวจเลือดแก่ผู้ป่วยนอกไม่น้อยกว่าวันละ 900-1,000 ราย และเมื่อมีผู้มาขอรับบริการมากขึ้นอาจทำให้เกิดความล่าช้าไม่ทันการณ์
ดังนั้น เพื่อให้บริการเก็บตัวอย่างของห้องเก็บสิ่งส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการรวดเร็วขึ้น โรงพยาบาลศรีนครินทร์จึงได้นำระบบเตรียมหลอดเลือดอัตโนมัติมาติดตั้งตามมาตรฐานสากล ระบบนี้สามารถรองรับการเก็บตัวอย่างได้อย่างรวดเร็วไม่น้อยกว่าวันละ 2,000 คน ใช้เวลาเตรียมเพียง 4-5 วินาทีต่อราย
ระบบนี้ทำให้ลดความผิดพลาดจากการเก็บสิ่งส่งตรวจ ผู้ป่วยได้รับการบริการอย่างรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำ นอกจากนี้ ระบบจะทำการติดฉลากที่หลอดเลือดเป็นแบบบาร์โค้ดที่ระบุชื่อผู้ป่วย ชนิดของการตรวจที่แพทย์สั่งตรวจบนหลอดเลือดทุกหลอดทำให้การตรวจทางห้องปฏิบัติการทำได้ถูกต้องทุกหลอดปราศจากข้อผิดพลาด โดยทางโรงพยาบาลได้ทำการติดตั้งระบบนี้ตั้งแต่เดือนเมษายน 2555 ที่ผ่านมา
“โรงพยาบาลศรีนครินทร์มีนโยบายที่จะเป็น Exellent center ด้านห้องปฏิบัติการกลางของภาคอีสาน ดังนั้น การนำระบบเตรียมหลอดเลือดและห้องปฏิบัติการอัตโนมัติมาใช้ในโรงพยาบาลจะเป็นจุดเริ่มต้นของการนำไปสู่นโยบาย Exellent center ในอนาคตอันใกล้นี้” รศ.นพ.ชาญชัยกล่าว
ศ.นพ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มข. กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันมีผู้ป่วยเข้ามาขอรับบริการที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้การบริการล่าช้าและไม่สะดวก อย่างไรก็ตาม ทางคณะแพทยศาสตร์ได้มีนโยบายการเป็นศูนย์กลางความเป็นเลิศทางการแพทย์ในภาคอีสาน และการเป็น 1 ใน 50 ของเอเชียในปี 2520
ดังนั้น การพัฒนาเทคโนโลยีและการให้บริการจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้แพทย์สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยในการวินิจฉัย รักษา และป้องกันโรคได้