ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ตรวจยึดยาไอซ์ หนักกว่า 50 กรัม จากนักโทษชายเรือนจำกลางขอนแก่น ซุกซ่อนในถังข้าวสวยที่ตักแจกให้นักโทษที่นำตัวออกไปขึ้นศาลรับประทาน เบื้องต้นรับสารภาพรับจ้างลอบขนจากนักโทษด้วยกันในเรือนเป็นเงิน 75,000 บาท ด้านเจ้าหน้าที่เตรียมสอบขยายผลตามจับผู้ค้าในกระบวนการเดียวกันเพิ่ม
รายงานข่าวแจ้งว่า เย็นวานนี้(16 ต.ค.) นายประสาท พรมย่อง เจ้าพนักงานราชทัณฑ์อาวุโส เรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่น นำของกลางยาไอซ์ จำนวนกว่า 35 ถุงเล็ก น้ำหนักประมาณ 43.3 กรัม เข้าพบพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น เพื่อลงเป็นหลักฐาน หลังตรวจยึดได้จากนายเกษียร ศรวงษ์ นักโทษชายในเรือนจำกลางขอนแก่น ขณะลักลอบนำเข้าไปภายในเรือนจำ
นายประสาท พรมย่อง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ขณะที่กำลังตรวจค้นร่างกายนักโทษชาย จำนวนหนึ่ง หลังจากได้นำนักโทษชายไปรอขึ้นศาล เพื่อรอฟังคำตัดสินคดี ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น จากนั้นจึงได้นำนักโทษชายจ่ายนอก หรือนักโทษชั้นดี จำนวนประมาณ 4-5 คน ซึ่งร่วมกับนายเกษียร ศรวงษ์ นักโทษชายในเรือนจำกลางขอนแก่น ออกไปช่วยยกอาหารกลางวัน เพื่อแจกจ่ายอาหารให้กับนักโทษคนอื่น ขณะที่กำลังรอศาลตัดสิน
จนกระทั่งช่วงเย็น จึงได้เดินทางกลับเรือนจำ แต่ก่อนจะปล่อยเข้าไปภายในเรือนจำ ได้ทำการตรวจค้นร่างกาย นักโทษชายทุกคน แต่ขณะที่กำลังตรวจค้นร่างกาย นายเกษียร มีท่าทางพิรุธ จึงได้ทำการตรวจค้นอย่างละเอียด พบยาไอซ์ จำนวน 35 ถุงเล็ก น้ำหนักประมาณ 43.3 กรัม ซุกซ่อนไว้ในถังใส่ข้าวสวย ให้ผู้ต้องหารับประทาน จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น
ทั้งนี้นายเกษียร รับสารภาพว่า ได้รับว่าจ้างจากนายจินดา บุญเริ่ม อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาในคดีมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย และศาลตัดสินลงโทษ 25 ปี หลังได้รู้จักกันในโรงนอน ภายในเรือนจำกลาง โดยนายจินดา ให้ตนไปรอรับยาไอซ์ ดังกล่าว ซึ่งจะมีนายเอกลักษณ์ สมสกุล เป็นคนลักลอบนำมาส่งให้ ที่ห้องควบคุม ศาลจังหวัดขอนแก่น หลังจากที่นายจินดา ได้โทรศัพท์ไปสั่งชื้อจากนายเอกลักษณ์ โดยนายจินดาจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน 75,000 บาท
ยาไอซ์ดังกล่าวนายจินดา จะลักลอบนำไปจำหน่ายภายในเรือนจำกลางขอนแก่น ด้วยการซุกซ่อนไว้ในถังใส่ข้าวสวย ที่ให้ผู้ต้องหารับประทาน แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจจับได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหานายเกษียรและนายจินดาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาไอซ์ ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และหลังจากนี้จะได้สอบสวนขยายผลผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า เย็นวานนี้(16 ต.ค.) นายประสาท พรมย่อง เจ้าพนักงานราชทัณฑ์อาวุโส เรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่น นำของกลางยาไอซ์ จำนวนกว่า 35 ถุงเล็ก น้ำหนักประมาณ 43.3 กรัม เข้าพบพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น เพื่อลงเป็นหลักฐาน หลังตรวจยึดได้จากนายเกษียร ศรวงษ์ นักโทษชายในเรือนจำกลางขอนแก่น ขณะลักลอบนำเข้าไปภายในเรือนจำ
นายประสาท พรมย่อง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ ขณะที่กำลังตรวจค้นร่างกายนักโทษชาย จำนวนหนึ่ง หลังจากได้นำนักโทษชายไปรอขึ้นศาล เพื่อรอฟังคำตัดสินคดี ที่ศาลจังหวัดขอนแก่น จากนั้นจึงได้นำนักโทษชายจ่ายนอก หรือนักโทษชั้นดี จำนวนประมาณ 4-5 คน ซึ่งร่วมกับนายเกษียร ศรวงษ์ นักโทษชายในเรือนจำกลางขอนแก่น ออกไปช่วยยกอาหารกลางวัน เพื่อแจกจ่ายอาหารให้กับนักโทษคนอื่น ขณะที่กำลังรอศาลตัดสิน
จนกระทั่งช่วงเย็น จึงได้เดินทางกลับเรือนจำ แต่ก่อนจะปล่อยเข้าไปภายในเรือนจำ ได้ทำการตรวจค้นร่างกาย นักโทษชายทุกคน แต่ขณะที่กำลังตรวจค้นร่างกาย นายเกษียร มีท่าทางพิรุธ จึงได้ทำการตรวจค้นอย่างละเอียด พบยาไอซ์ จำนวน 35 ถุงเล็ก น้ำหนักประมาณ 43.3 กรัม ซุกซ่อนไว้ในถังใส่ข้าวสวย ให้ผู้ต้องหารับประทาน จึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น
ทั้งนี้นายเกษียร รับสารภาพว่า ได้รับว่าจ้างจากนายจินดา บุญเริ่ม อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาในคดีมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่าย โดยผิดกฎหมาย และศาลตัดสินลงโทษ 25 ปี หลังได้รู้จักกันในโรงนอน ภายในเรือนจำกลาง โดยนายจินดา ให้ตนไปรอรับยาไอซ์ ดังกล่าว ซึ่งจะมีนายเอกลักษณ์ สมสกุล เป็นคนลักลอบนำมาส่งให้ ที่ห้องควบคุม ศาลจังหวัดขอนแก่น หลังจากที่นายจินดา ได้โทรศัพท์ไปสั่งชื้อจากนายเอกลักษณ์ โดยนายจินดาจะให้ค่าตอบแทนเป็นเงินจำนวน 75,000 บาท
ยาไอซ์ดังกล่าวนายจินดา จะลักลอบนำไปจำหน่ายภายในเรือนจำกลางขอนแก่น ด้วยการซุกซ่อนไว้ในถังใส่ข้าวสวย ที่ให้ผู้ต้องหารับประทาน แต่มาถูกเจ้าหน้าที่ตรวจจับได้
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหานายเกษียรและนายจินดาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาไอซ์ ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และหลังจากนี้จะได้สอบสวนขยายผลผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
