เชียงราย - ตำรวจแม่สายสั่งตรวจรถต้องสงสัยโจรกรรมขายเพื่อนบ้านที่เจอตั้งแต่ 13 ตุลาคม หลังถูกขับออกจากบ้านคนในเครือข่ายนักการเมือง ล่าสุดเจ้าของยังหาเอกสารมาแสดงไม่ได้ แต่อ้างเป็นรถที่ซื้อมาขาย รอประสานคนซื้ออยู่ พบรถแต่ละคันถูกนำมาจากต่างพื้นที่
รายงานข่าวจาก จ.เชียงรายแจ้งว่า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สายได้ติดตามรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้แบบสี่ประตู เนื่องจากสงสัยว่าจะเป็นรถที่จะลักลอบส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศตามท่าเถื่อนต่างๆ บริเวณริมแม่น้ำสาย ชายแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ต.ค. 55 ได้พบรถต้องสงสัยคันหนึ่งแล่นไปตามถนนพหลโยธินมุ่งหน้าสู่ อ.แม่สาย จากนั้นได้ขับเข้าไปยังลานใกล้ตึกแถวของบริษัท เวียงพานทวีภัณฑ์ จำกัด เลขที่ 11 ม.3 ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือของนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่ง ตั้งอยู่ตรงกันข้ามอาคารใกล้สำนักงานพรรคเพื่อไทย สาขาเขต 6 ที่มีนายอิทธิเดช แก้วหลวง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เขต 6 พรรคเพื่อไทย โดยมีรถจอดเรียงกันถึง 5 คัน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของผู้ใดเพราะไม่มีป้ายทะเบียนติดอยู่กับรถและเป็นสถานที่ส่วนบุคคลนั้น
ล่าสุดเมื่อเย็นวันที่ 15 ต.ค. 55 พบว่า ได้มีชายคนหนึ่งขับรถทั้งหมดออกมาจากจุดดังกล่าวและเลี้ยวอ้อมถนนพหลโยธินถึงทางแยกมูลนิธิกวงเม้งแม่สาย ก่อนถึงหน้าด่านพรมแดนไทย-พม่าเล็กน้อย จากนั้นได้ขับไปจอดยังบริเวณหน้าธนาคารอิสลาม สาขาแม่สายตรงกันข้ามกับบริษัทดังกล่าว และอยู่ใกล้กับสำนักงานพรรคเพื่อไทย สาขาเขต 6 จ.เชียงราย
ทาง พ.ต.อ.ณัฐวุฒิ ยุววรรณ ผกก.สภ.แม่สาย จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.พงษ์สวัสดิ์ ไชยบาล รอง ผกก.สส.และ พ.ต.ท.ณัฐดนัย เลานันท์ รอง ผกก.ปป., พ.ต.ท.ถนัด ชุ่มมโน สารวัตรสืบสวน, ร.ต.ท.พีรพจน์ ธุรกิจ รอง สว.สส.สภ.แม่สาย นำกำลังเข้าไปตรวจสอบรถยนต์ทั้งหมดทันที
รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมาได้มีชายทราบชื่อต่อมาว่านายหงษ์ ชุ่มมงคล อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 238 ม.6 ต.ศรีเมืองชุม อ.แม่สาย ซึ่งเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้าน ปัจจุบันเป็นหัวคะแนนคนสำคัญของนายอิทธิเดช เข้าเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ารถทั้งหมดมีการซื้อขายถูกต้อง และส่วนหนึ่งเป็นรถของตน อีกส่วนหนึ่งเป็นของผู้ที่นำไปฝากจำหน่าย
อย่างไรก็ตาม ในการตรวจสอบเบื้องต้นกลับไม่สามารถนำเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของรถไปแสดงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสอบถาม นายหงษ์ให้การว่า ได้มีผู้นำรถยนต์ทั้งหมดไปส่งมอบให้ตนเพื่อให้นำไปจำหน่าย ดังนั้นจึงอยู่ระหว่างประสานตลาด เมื่อได้ผู้ซื้อแล้วก็จะแจ้งให้เจ้าของรถได้เดินทางไปตกลงซื้อขายกันตามขั้นตอนต่อไป ทำให้ทางเจ้าหน้าที่แจ้งให้นายหงษ์แจ้งเจ้าของรถไปแสดงตัวแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงสงสัยถึงที่มาของรถและพฤติกรรมดังกล่าวโดยเกรงว่าจะเป็นรถที่จะถูกนำไปส่งออกโดยมีการดาวน์รถมาและนำส่งออก จากนั้นหวังผลจากประกันประกันภัยรถยนต์ภายหลังแจ้งรถหายอีกต่อหนึ่ง จึงได้ตรวจยึดรถยนต์ส่งพนักงานสอบสวนเพื่อตรวจสอบ
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากการตรวจสอบรถยนต์ทั้งหมด เบื้องต้นพบว่ารถยนต์ทั้งหมดประกอบไปด้วยกระบะยี่ห้อโตโยต้าเหมือนกันหมด โดยเป็นสีเทา สีดำ 1 คัน สีขาว 1 คัน และที่เหลืออีก 3 คันเป็นสีบรอนซ์ โดยมีการนำมาจากหลายจังหวัด ทั้งชลบุรี อุบลราชธานี เชียงราย และยังไม่สามารถตรวจสอบที่มาในเบื้องต้นได้อีก 2 คัน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจสอบและจดบันทึกหมายเลขตัวถังรถเอาไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม มีรายงานล่าสุดแจ้งว่า มีการนำหลักฐานเกี่ยวกับการครอบครองรถไปให้ตำรวจครบทั้ง 5 คันแล้ว และมีการยื่นเรื่องขอคืนรถด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรอให้ผู้ครอบครองไปให้ปากคำเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
สำหรับพื้นที่ชายแดนไทย-พม่ามักมีการลักลอบส่งออกรถยนต์ไปส่งยังฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะมีขบวนการลักลอบนำรถยนต์ใหม่จากพื้นที่ต่างๆ ที่เพิ่งดาวน์มาใหม่ไปส่งออกเพื่อทำกำไรจากการลักลอบส่งออกตามจุดเถื่อนต่างๆ เช่น ลำน้ำรวกบริเวณบ้านเวียงแก้ว ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน โดยมีการใช้โป๊ะเหล็กสำหรับขนถ่ายข้ามฝั่ง หรือช่องทางภูเขาเขต ต.โป่งงาม อ.แม่สาย เมื่อส่งออกไปแล้วจะมีการแจ้งหายเพื่อหวังผลจากเงินประกันอีกต่อหนึ่ง
แต่สำหรับกรณีนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้นายหงษ์แจ้งเจ้าของรถไปแสดงตัวและหลักฐานแล้ว