เชียงราย - เตรียมเปิดพื้นที่ศูนย์วิจัยชาน้ำมันฯ จัดใหญ่ “มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย” ช่วงหยุดยาวต้นธันวาคม 55 นี้ท้าลมหนาว โชว์วิถี 10 กลุ่มชาติพันธุ์-3 ภาษาพื้นถิ่น ดึงนักท่องเที่ยว หวังผลักดันเป็นเทศกาลประจำปีในอนาคตต่อ
นายไศลยนต์ ศรีสมุทร นายกเทศมนตรี ต.แม่สาย และนางขวัญจิรา ชีวานนท์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยชาน้ำมันฯ ได้ร่วมกันแถลงข่าวว่า เทศบาลตำบลแม่สายร่วมกับศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมัน ในมูลนิธิชัยพัฒนา เตรียมจัดงาน “มหัศจรรย์ 10 ชาติพันธุ์แม่สาย” ระหว่าง 6-10 ธ.ค. 55 นี้ ภายในศูนย์วิจัยชาน้ำมันฯ
ทั้งนี้ อ.แม่สายเป็นเมืองชายแดนที่คึกคักด้วยการค้าชายแดน จึงทำให้มีกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เดินทางเข้าออกพื้นที่และอยู่อาศัยในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อให้ความสำคัญต่อเรื่องดังกล่าวและในฐานะที่เป็นเมืองท่องเที่ยว และเมืองแห่งการค้า จึงทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเป็นประจำด้วย
นายไศลยนต์เปิดเผยว่า กลุ่มชาติพันธุ์ในอำเภอแม่สายที่โดดเด่นมีอยู่ 10 ชาติพันธุ์ 3 ตระกูลภาษา ได้แก่ กลุ่มตระกูลภาษาไท ประกอบด้วย ชาวไต (ไทใหญ่) ชาวไทลื้อ ชาวไทเขิน ชาวไทยวน (ไทโยน ไทยโยนก หรือล้านนา) ชาวไตหย่า กลุ่มตระกูลภาษาจีน-ทิเบต ประกอบด้วย ชาวไทยเชื้อสายจีน ประกอบด้วย จีนฮ่อ จีนคณะชาติ จีนหยุนหนัน ชาวอาข่า (อีก้อ) ชาวลาหู่ (มูเซอ) กลุ่มตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก (มอญ-เขมร) ประกอบด้วย ชาวลัวะ ชาวดาระอั้ง (ปะหร่อง)
เขาบอกว่า งานนี้จะมีขึ้นตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. วันที่ 6-10 ธ.ค. 55 เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีวันหยุดติดต่อกัน และดูจากสถิติของข้อมูลผู้ที่เดินทางผ่านแดนไปยังประเทศพม่าในแต่ละช่วงของทุกปี พบว่าในช่วงวันดังกล่าวเป็นช่วงที่มีสถิติผู้คนมาเยือนเมืองแม่สายมากช่วงหนึ่งเพราะเป็นฤดูหนาวและวันหยุด
ประกอบกับในช่วงดังกล่าวเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า คือ วันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช 5 ธันวาคมของทุกปี และพระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวไทยทุกกลุ่มชาติพันธุ์ในผืนแผ่นดินไทย สังเกตได้จากโครงการหลวง โครงการตามพระราชดำริต่างๆ นานัปการ และพื้นที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาชาน้ำมันและพืชน้ำมันก็เป็นหนึ่งในโครงการหลวง มูลนิธิชัยพัฒนาของพระองค์ท่านอีกด้วย
สำหรับกิจกรรมในงานแบ่งออกได้เป็นส่วนหรือโซนต่างๆ คือ โซนหมู่บ้านชาติพันธุ์ใช้พื้นที่สวนไม้ด้านทิศตะวันออกของศูนย์ (ติดกับถนนพหลโยธิน) โดยใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดแสดงวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนธรรม สินค้าหัตถกรรม อาหารชาติพันธุ์ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่พักอาศัย (จำลองบ้าน 3 ตระกูล) ฯลฯ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนตามกลุ่มตระกูลภาษา คือ กลุ่มตระกูลภาษาไท กลุ่มตระกูลภาษาจีน-ทิเบต และกลุ่มตระกูลภาษาออสโตรเอเชียติก บรรยากาศในโซนหมู่บ้านชาติพันธุ์จะเน้นสีสันในช่วงกลางวัน ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนเย็นมีการละเล่น งานประเพณีจำลอง การจำหน่ายและสาธิตอาหาร งานหัตถกรรม ภูมิปัญญา ความเชื่อ การแพทย์ สับเปลี่ยนกันในแต่ละกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีความตื่นเต้นและบรรยากาศของงานไม่ดูเงียบจนเกินไป
นอกจากนี้ยังมีโซนอาหารสี่ภาคและสินค้าชุมชนใช้พื้นที่ตลอดแนวถนนด้านทิศตะวันตกจนถึงทิศใต้ของศูนย์กว่า 80 ร้านค้า มีการจำหน่ายสินค้าทำมือ งานหัตถกรรม อาหารสี่ภาค อาหารพื้นถิ่น ร้านจำหน่ายกาแฟของแม่สาย ร้านค้าของทางโครงการหลวงต่างๆ ของที่ระลึกในงาน เป็นต้น
รวมถึงโซนลานขันโตกและเวทีกลางแจ้งใช้พื้นที่บริเวณริมสระน้ำด้านที่ติดกับโซนหมู่บ้านชาติพันธุ์จะจัดเป็นเวทีกลางแจ้ง โดยในช่วงเช้าจะมีการแสดงของนักแสดงที่จะมาสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาแสดงเป็นช่วง สลับกับเสียงดนตรีเคล้าคลอกับบรรยากาศในงาน ในช่วงเย็นถึงค่ำเป็นการแสดงแสง สี เสียงอย่างสุดอลังการ ประกอบกับการรับประทานอาหารแบบขันโตกกว่า 100 โตก อาหารที่นำมาเสิร์ฟเป็นอาหารพื้นถิ่นและอาหารชนเผ่ามาเสิร์ฟโดยไม่ให้ซ้ำในแต่ละวัน มีโคมลอยให้ผู้ที่มานั่งกินขันโตกอีก 5 ชิ้นมอบให้ด้วยเพื่อเป็นการสร้างสีสันและบรรยากาศในงาน
ทั้งยังจะจัดให้มีโซนถ่ายภาพ มุมประทับใจ แลนด์มาร์กของงานเพื่อให้มีบรรยากาศเหมาะสมแก่การพักผ่อน สวยงาม สร้างความประทับใจแก่ผู้ที่มาเที่ยวงาน บริเวณประตูทางเข้างาน และบรรยากาศในงานโดยมากจัดให้มีลักษณะแบบล้านนาสลับกับเอกลักษณ์โดดเด่นของชาติพันธุ์ต่างๆ มีหุ่นกระดาษรูปชนเผ่าต่างๆ ติดตั้งทั่วพื้นที่งาน พร้อมประดับตุง โคมไฟล้านนา ดอกไม้ และที่นั่งพักผ่อนตลอดงาน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่มาเที่ยวงาน
และนอกจากโซนกิจกรรมต่างๆ แล้ว ทางคณะผู้จัดงานยังได้กำหนดโซนอื่นๆ เพิ่มเติมเพื่อความสะดวกแก่ผู้ที่มาเที่ยวงาน ได้แก่ โซนพื้นที่จอดรถจักรยานยนต์ รถยนต์ รถบัสหรือโค้ช รถรับจ้าง พื้นที่จำหน่ายสินค้านอกงาน (ใกล้ลานจอดรถ) เพื่อความเป็นระเบียบของงาน รวมถึงจุดรับประทานอาหารและเปิดให้เข้าชมนิทรรศการของทางศูนย์วิจัยชาน้ำมันที่เปิดให้บริการตลอดการจัดงาน
เขาคาดว่า งานดังกล่าวจะกลายเป็นงานประจำของ อ.แม่สาย เป็นที่รู้จักหมู่นักท่องเที่ยว สร้างภาพลักษณ์ใหม่ทางการท่องเที่ยว ส่งเสริมภาคเศรษฐกิจและรายได้ให้ชาวแม่สาย ทั้งยังสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในพื้นที่ สร้างความสามัคคี ที่สำคัญเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอเนกอนันต์ต่อพสกนิกรทุกหมู่เหล่า และสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น ประเพณีวัฒนธรรม วิถีชีวิตอันดีของท้องถิ่นให้คงอยู่ เยาวชนรุ่นหลังจะได้เข้าใจ เรียนรู้และสืบทอดต่อไป
