จันทบุรี- ผักปลอดสารพิษมูลนิธิโครงการหลวง จังหวัดเชียงใหม่ และผักปลอดสารพิษจากเกษตรกรผู้ปลูกผักตำบลคลองพลู จังหวัดจันทบุรี ล็อตแรกกว่า 4.6 ตัน ถูกส่งเข้าโรงเจทั้ง 2 แห่งแล้ว พร้อมเตรียมนำไปปรุงอาหารในงานเทศกาลถือศีลกินเจที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม 2555 นี้
วันนี้ (10 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สหกรณ์การเกษตรท่าใหม่ จำกัด จังหวัดจันทบุรี รถห้องเย็นผักปลอดสารพิษจำนวน 4.6 ตัน จากมูลนิธิโครงการหลวง จังหวัดเชียงใหม่ล็อตแรก ได้เดินทางมาถึงจังหวัดจันทบุรีแล้ว โดยผักปลอดสารพิษโครงการหลวงเป็นผักที่จังหวัดจันทบุรีไม่มีปลูกในพื้นที่ ทำให้ทางสหกรณ์การเกษตรท่าใหม่ต้องมีการสั่งผักปลอดสารพิษมาเสริม ร่วมกับผักปลอดสารพิษของเกษตรกรตำบลคลองพลู จังหวัดจันทบุรี เพื่อส่งให้แก่โรงเจ ทั้ง 2 แห่ง ในการนำไปปรุงอาหารในงานเทศกาลถือศิลกินเจที่จังหวัดจันทบุรี ระหว่างวันที่ 14-24 ตุลาคม 2555 นี้
โดยผักปลอดสารพิษโครงการหลวงที่เดินทางมาถึงจังหวัดจันทบุรี ประกอบด้วย กะหล่ำปลี คะน้า กวางตุ้ง มะเขือเทศ มะระหยก แครอท ฟักทอง ข้าวกล้อง ถั่วเหลือง และน้ำผลไม้ ซึ่งผักปลอดสารพิษโครงการหลวงเหล่านี้นอกจากจะนำไปปรุงเป็นอาหารเจแล้ว ทางสหกรณ์การเกษตรท่าใหม่ องค์การบริหารส่วนจังหวัดจันทบุรี ศูนย์กสิกรรมโป่งแรด มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี และกลุ่มพลังเบญจภาคีจังหวัดจันทบุรี จะมีการนำผักปลอดสารพิษโครงการหลวง และผักปลอดสารพิษของเกษตรกรตำบลคลองพลู ไปเปิดบูทขายให้แก่ประชาชน และผู้ที่สนใจในการรับประทานผักปลอดสารพิษด้วย โดยจะมีการตั้งบูทเปิดจำหน่ายผักบริเวณหน้าโรงเจวัดเขตต์นาบุญญราม และหน้าศูนย์อัญมณีจังหวัดจันทบุรี โดยราคาผักปลอดสารพิษจะขายเท่ากับราคาท้องตลาด
นางกาหลง เพิ่มพูล ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรท่าใหม่ จำกัด จังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ผักปลอดสารพิษโครงการหลวงเป็นผักที่จะนำไปปรุงอาหารในงานเทศกาลถือศีลกินเจ ร่วมกับผักปลอดสารพิษของกลุ่มเกษตรกรตำบลคลองพลู โดยผักปลอดสารพิษเหล่านี้จะเก็บไว้ที่ห้องเย็นที่สหกรณ์การเกษตรท่าใหม่ และจะทยอยส่งให้แก่โรงเจทั้ง 2 แห่งในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ซึ่งผักปลอดสารพิษโครงการหลวง และผักปลอดสารพิษของกลุ่มเกษตรกรตำบลคลองพลู มีเพียงพออย่างแน่นอนในช่วงของเทศกาลถือศีลกินเจ
นอกจากนี้ ทางสหกรณ์การเกษตรท่าใหม่ เตรียมรองรับหลังจบเทศกาลถือศีลกินเจนำผักปลอดสารพิษของกลุ่มเกษตรกรตำบลคลองพลู ขยายตลาดส่งไปยังต่างประเทศ คือ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ต่อจากช่วงของการทำสวนผลไม้อีกด้วย
