xs
xsm
sm
md
lg

ศาล ชร.เปิดไต่สวนคดียิงเรือจีน 13 ศพวันสุดท้าย พยาน 4 ปากขึ้นให้ปากคำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชียงราย - ศาลจังหวัดเชียงรายเปิดไต่สวนคดีปล้น-ฆ่าลูกเรือจีน 13 ศพกลางน้ำโขงวันสุดท้าย โดยอัยการฯ นำพยาน 4 ปากให้ปากคำ แต่ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าฟัง หลังการไต่สวน 3 วันก่อนหน้านี้มีพยานให้ปากคำแล้ว 20 ปาก

วันนี้ (5 ต.ค.) ศาลจังหวัดเชียงรายได้ไต่สวนคดีกองกำลังติดอาวุธในแม่น้ำโขงบุกเข้าปล้นเรือบรรทุกสินค้ากระเทียม-แอปเปิลชื่อ “หัวปิง” และเรือบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงชื่อ “หยูชิงปาเห่า” จนมีผู้เสียชีวิต 13 ราย เหตุเกิดวันที่ 5 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมา ณ บริเวณบ้านสามพู จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำ บ้านสบรวก ม.1 ต.เวียง อ.เชียงแสน ประมาณ 25 กิโลเมตร จนเป็นเหตุให้คณะกรรมการพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ดำเนินคดีตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นและปิดบังซ่อนเร้นศพกับทหารจากกองกำลังผาเมืองจำนวน 9 นาย โดยคดีอยู่ในชั้นอัยการสูงสุด เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับต่างประเทศไปแล้ว ขณะที่หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธคือนายหน่อคำ และลูกสมุนอีก 5 คนถูกทางการจีนจับกุมตัวไปดำเนินคดีที่ศาลเมืองคุนหมิง มณฑลหยุนหนัน และรอการตัดสินคดีอยู่

รายงานข่าวแจ้งว่า การไต่สวนดังกล่าวมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. 55 เป็นต้นมา จนถึงวันนี้ (5 ต.ค.) เป็นวันสุดท้าย โดยทางศาลได้ทำการไต่สวนทางลับ ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ารับฟัง จึงมีเพียงอัยการ จ.เชียงราย ซึ่งได้รับคำสั่งจากอัยการสูงสุด ให้นำสำนวนเกี่ยวกับผู้เสียชีวิต และพยานที่เกี่ยวข้องไปให้ปากคำต่อศาล

และตั้งแต่วันแรกของการไต่สวนได้มีพยานกว่า 20 ปากเดินทางไปให้ปากคำต่อศาลแล้ว ส่วนวันสุดท้ายนี้ นายไพรัช ตั้งศรีไพโรจน์ รองอัยการ จ.เชียงราย ได้นำสำนวนและพยานชุดสุดท้ายจำนวน 4 ปาก ที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าให้ปากคำ

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า การไต่สวนดังกล่าวจะใช้เวลาทั้งวัน จากนั้นศาลจึงจะแจ้งให้ไปฟังคำสั่งเกี่ยวกับผลสรุปการไต่สวนอีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดให้คนทั่วไปเข้ารับฟังข้อมูลได้ จากนั้นผลการไต่สวนจะถูกส่งกลับไปให้อัยการสูงสุด ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการดำเนินคดีดังกล่าวโดยมีพนักงานสอบสวนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นผู้ช่วย นำไปพิจารณาประกอบกับข้อมูลอื่นๆ เช่น หลักฐานจากประเทศจีน ฯลฯ เพื่อพิจารณาส่งฟ้องต่อศาลหรือไม่ต่อไป

ทั้งนี้ มีรายงานอีกว่าคดีดังกล่าวศาลได้เรียกสอบพยานที่เกี่ยวข้องอย่างละเอียดรอบคอบและค่อนข้างเข้มงวด เนื่องจากเป็นคดีที่ละเอียดอ่อน เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เช่น กรณีของการเรียกสอบพยานจากกองพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งตามปกติจะส่งเป็นเอกสาร ก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลเดินทางไปเป็นพยานที่ศาล จ.เชียงรายด้วยตัวเอง เป็นต้น รวมทั้งไม่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้ารับฟังจนกว่าจะมีการนัดฟังคำสั่งด้วย

สำหรับคดีฆาตกรรมข้ามชาติในแม่น้ำโขงดังกล่าว เป็นคดีที่ทางการจีนให้ความสนใจอย่างมาก โดยมีการเผยแพร่ทางสื่อในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนก็เดินทางไปดูความคืบหน้าเป็นประจำเช่นกัน ทำให้ในปัจจุบันมีการตั้งเป็นกองกำลังร่วมในแม่น้ำโขงโดยทางรัฐบาลจีนได้ส่งกำลังตำรวจตระเวนชายแดนร่วม 300-500 นาย พร้อมเรือติดอาวุธไม่ต่ำกว่า 8 ลำ ลาดตระเวนในแม่น้ำโขงตั้งแต่เมืองท่าเรือกวนเหล่ย ซึ่งเป็นเมืองท่าหน้าด่านของจีนที่มณฑลหยุนหนันติดชายแดน สปป.ลาว มาจนถึงบริเวณสามเหลี่ยมทองคำชายแดนพม่า-สปป.ลาว ระยะทาง 264 กิโลเมตร ส่วนประเทศไทยจัดตั้งเป็นศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในแม่น้ำโขง (ศปปข.) ส่วนหน้านำโดยตำรวจของไทยคุ้มกันต่อไปจนถึงท่าเรือเชียงแสนแห่งที่ 1

กำลังโหลดความคิดเห็น