ลำปาง - เหยื่อศัลยกรรมทำพิษ และสามียังติดใจจรรยาบรรณแพทย์ที่ทำศัลยกรรมให้ลูกค้าคราวเดียว 7 จุด แถมปล่อยให้กลับบ้านทันทีโดยไม่ติดตามดูดำดูดีจนผู้ป่วยช็อกต้องหามส่ง รพ.กันเองตามยถากรรม บอกจะรอดูท่าทีอีกครั้ง หากไม่มีการตอบสนองจากแพทย์ขึ้นโรงพักแจ้งความแน่พรุ่งนี้ (26 ก.ย.) ด้าน ผอ.รพ.เขลางค์นครรามรับหมอเจ้าของไข้ขอให้ รพ.ล้างแผลเท่านั้น พร้อมเตือนคนคิดทำศัลยกรรมควรคิดให้ดีก่อนทำ-หมอไม่ควรเห็นแก่เงิน ชี้ “เหยื่อ” ทำมากเกินไป
รายงานข่าวจากจังหวัดลำปางแจ้งถึงความคืบหน้ากรณีนางญาณิศา เกตุแก้ว ที่ไปทำศัลยกรรมครั้งเดียว 7 รายการ ที่คลินิกศัลยกรรมในจังหวัดแพร่แล้วแพทย์ไม่ได้ให้พักรักษาตัว โดยส่งกลับบ้านที่ลำปางทันทีหลังผ่าตัดเสร็จ แต่เมื่อมาถึงบ้านเกิดความเจ็บปวดจนช็อก และต้องหามส่งโรงพยาบาล และหลังเข้ารักษาตัวรวม 12 วันแผลผ่าตัดดูดไขมันหน้าท้องยังคงมีเลือดไหลออกมา โดยแพทย์เจ้าของไข้แวะเวียนมาดูเพียง 2-3 ครั้งเพื่อตัดไหมที่ทำศัลยกรรมเท่านั้น ล่าสุดต้องออกจากโรงพยาบาลเมื่อ 24 ก.ย. 55 ที่ผ่านมาเพื่อมาพักฟื้นอยู่ที่บ้าน แล้วเดินทางไปล้างแผลที่โรงพยาบาลทุกวันแทนเนื่องจากค่าใช้จ่ายในโรงพยาบาลเอกชนสูงมาก และมีอาการดีขึ้นบ้าง สามารถลุกขึ้นนั่งได้แล้ว แต่แผลยังคงมีเลือดไหลซึมออกมา
ด้านนายสมชัย เกตุแก้ว เจ้าของร้าน ต.แบตเตอรี่ ซึ่งเป็นสามี กล่าวว่า เรื่องที่ตนติดใจคืออยากถามถึงจรรยาบรรณของแพทย์ว่า หลังทำการผ่าตัดคนไข้แล้วทำไมทิ้งคนไข้ให้เผชิญชะตากรรมเอง การผ่าตัดใหญ่ขนาดนี้อย่างน้อยก็ต้องคอยดูแลจนกว่าคนไข้จะมีอาการดีขึ้น และเมื่อส่งกลับบ้านแล้วก็ต้องประสานโรงพยาบาลไว้คอยดูแลยามฉุกเฉินด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้คนไข้วิ่งหาโรงพยาบาลที่จะเข้ารักษาอาการเจ็บป่วยเองตามยถากรรมแบบนี้ ซึ่งหากวันที่เกิดเหตุตนไม่อยู่ภรรยาอาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็ได้
และหากแพทย์ที่ทำการผ่าตัดยังไม่ติดต่อมาเพื่อแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้ ในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ย.) เวลา 09.00 น. ตนจะเดินทางไปยัง สภ.เมืองแพร่ เพื่อร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ดำเนินคดีคนที่พาภรรยาของตนไปทำศัลยกรรมและแพทย์ที่ทำการผ่าตัดที่ปล่อยปละละเลยคนไข้ด้วย
ด้าน นพ.บุญจง ชูชัยแสงรัตน์ ผอ.รพ.เขลางค์นครราม ลำปาง ได้เปิดเผยว่า สำหรับกรณีดังกล่าวในวันเกิดเหตุ คนไข้ได้เดินทางมายังโรงพยาบาลจริงด้วยอาการไม่สู้ดีคือมีการผ่าตัดและมีผ้าพันมารอบร่างกายหลายแห่ง เมื่อแพทย์ตรวจอาการแล้วก็ลงความเห็นว่าควรจะให้แพทย์เฉพาะทางหรือแพทย์เจ้าของไข้ที่ทำการผ่าตัดรักษา ประกอบกับทางโรงพยาบาลไม่มีแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งประจำ จึงได้แนะนำให้รีบนำตัวผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลำปางเพื่อความปลอดภัย
ในวันรุ่งขึ้นผู้ป่วยได้กลับมาอีกครั้งและแพทย์ที่ทำการผ่าตัดได้ประสานมายังโรงพยาบาลว่าให้รับผู้ป่วยไว้ด้วย โดยตนจะเป็นผู้มาตรวจดูอาการเอง และขอให้พยาบาลช่วยล้างแผลให้เท่านั้น จึงไม่ทราบข้อมูลของการผ่าตัดและอาการของผู้ป่วยในเชิงลึก
สำหรับความคิดเห็นส่วนตัวเห็นว่าผู้ป่วยคนดังกล่าวมีการทำศัลยกรรมมากเกินไป ส่วนจะบอกว่าทำกี่จุดถึงจะเหมาะสมคงต้องถามแพทย์เฉพาะทางด้านนั้นๆ ดู แต่เท่าที่ดูคือทำมากเกินไป ซึ่งหากดูเป็นจุดบางจุดก็อาจจะไม่ต้องนอนที่โรงพยาบาล แต่เมื่อดูหลายๆ จุดรวมกันคิดว่าควรนอนโรงพยาบาลจะปลอดภัยกว่า
ทั้งนี้ นพ.บุญจงยังได้ฝากถึงผู้ที่ต้องการจะทำศัลยกรรมว่า ก่อนที่จะตัดสินใจทำควรจะศึกษาข้อมูลให้ดี อย่าเอาแต่ว่ารู้จัก ควรถามแพทย์หลายๆ แห่งถึงผลที่จะตามมาด้วย ขณะที่แพทย์เองก็ควรจะให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์แก่คนไข้ อย่าเห็นแก่เงินจำนวนมากจนลืมนึกถึงจรรยาบรรณของตนเอง
